ฝึกสุนัข ฝากสุนัข กับชมรมฝึกสุนัขตำรวจ T.0870062828

พฤติกรรมและเทคนิคสื่อสารสุนัข

ฝากสุนัข

พฤติกรรมและเทคนิคการสื่อสารสุนัข

การเลี้ยงสุนัขเพื่อเป็นเพื่อน เฝ้าบ้าน ใช้งาน เกมกีฬา รวมถึงเพาะพันธุ์ขาย

Home / การฝึกสุนัข

เลี้ยงสุนัข ฝึกสุนัข

การเลี้ยงสุนัขเพื่อเป็นเพื่อน 

     สุนัขเป์นสัตว์ที่คุ้นเคยกบมนุษย์มาก เนื่องจากมนุษย์นำสุนัขมาเลี่ยงเมื่อประมาณ 20,000 ปี มาแล้ว ในสมัยโบราณสุนัขถูกนำมาเลี้ยงเพื่อใช้ในการล่าสัตว์ เฝ้าฝูงสัตว์หรือเฝ้าที่อยู่อาศัยจนถึงปัจจุบันสุนัขได้มีความใกล้ชิดกับคนมากขึ้น โดยมีการเลี้ยงสุนัขเพื่อเป็นเพื่อน เฝ้าบ้าน ใช้งาน เกมกีฬา รวมถึงเพาะพันธุ์ขาย และเมื่อสุนัขเจ็บป่วยก็มีการรักษา เป็นต้น ดังนั้นการเข้าใจถึง พฤติกรรมและการบังคับสุนัขที่ถูกต้องนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้เลี้ยงและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสุนัขเป็นอย่างยิ่ง  และต้องมีการ สื่อสารสุนัข ที่ดี

ข้อมูลทั่วไปของสุนัข

เป็นข้อบ่งชี้ที่แสดงถึงลักษณะทัวไปของสุนัข ซึ่งประกอบด้วย องค์ประกอบในส่วนศีรษะและองค์ประกอบในส่วนลำตัว ดังนี้

ศีรษะ สุนัข

ฝากเลี้ยงสุนัข 

ตา : ดวงตาของสุนัขจะประกอบไปด้วยหนังตาสามส่วน คือ หนังตาบน หนังตาล่างและ หนังตาที่สามที่อยู่ตรงมุมด้านในของดวงตาซี่งหนังตานี้ไม่พบในมนุษย์จะทำหน้าที่เหมือน “ที่ปด นั้าฝน’,ในการกำจัดฝูนหรือเศษดินออกจากดวงตา

หู : มีหลายลักษณะ ตั้งแต่หูพับไปด้านหน้า หูย้อยไปจนหู พับไปด้านหลัง แต่ “หูตั้ง’,(พบ ในสุนัขพันธุบางแล้ว ไทยหลังอาน เยอรมันเชพเพิร์ด โดเบอร์แมน ไซบีเรืยนฮัสกี้บิทหูล เป็นต้น ) ถือเป็นรูปแบบมาตรฐานตามลักษณะของสุนัขโบราณและสามารถรับเสียงได้ดีกว่าสุนัขที่หูพับ

จมูก : จมูกมีนั้งจมูกยาวและจมูกสั้นยิ่งสุนัขมีจมูกยาวมากเท่าไรยิ่งดีต่อการดมกสิ่นเท่านั้นความเปียกชื้นของจมูกจะช่วยเพี่มประสิทธิภาพในการแยกโมเลกุลของกสิ่นเพื่อวิเคราะห์

ลี้น : ใช้ในการตวัดอาหารหรือนั้าเข้าสู่ปากรวมถึงใช้ระบายความร้อนได้ด้วย ความ เคลื่อนไหวของลมที่พัดผ่านผิวลี้น (ระหว่างการหอบหายใจ) บวกกับการระเหยของนั้าลายจะช่วย ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายสุนัข

พัน : สุนัขมีพันทั่งหมด 42 ซี่ประกอบด้วยพันตัดหกคู่ด้านหน้า กับเขี้ ยวขนาดใหญ่สองคู่ส่วนที่เหลือคือพันกรามและพันกรามน้อย

 ลำตัว สุนัข

ขน : ดวงตาของสุนัขจะประกอบไปด้วยหนังตาสามส่วน คือ หนังตาบน หนังตาล่างและ หนังตาที่สามที่อยู่ตรงมุมด้านในของดวงตาซี่งหนังตานี้ไม่พบในมนุษย์จะทำหน้าที่เหมือน “ที่ปด นั้าฝน’,ในการกำจัดฝูนหรือเศษดินออกจากดวงตา

ช่องระบายของเสีย :  มี ในช่องทวารหนักของสุนัขจะมีต่อมทวารหนักอยู่ 2 ต่อมเริยกว่าต่อม ข้างก้น (Anal Gland) ซํ่งซ่อนกลื่นฉุนรุนแรงเอาไว้และมีคุณสมปติเป็นกลื่นเฉพาะตัว เมื่อเวลาที่ สุนัขดมก้นกันนั่นหมายถึงพวกมันกำลังสำรวจต่อมทวารหนักของอีกฝ่าย เพื่อทำความรู้จักกันใน แต่ละตัว

อวัยวะสืบพันธุ : สุนัขเพศผู้จะเจริญพันธุเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 10 – 16 เดือนโดยเฉลี่ย สุนัขเพศเมียจะเจริญพันธุเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 9 เดือน ถึง 15 เดือน

อุ้งเท้า : ประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ของสุนัขจะอยู่บริเวณนี้ ตังนั้นในทางสัตวแพทย์การทดสอบเพื่อประเมินการตอบสนองของสุนัขในขณะที่สุนัขไม่รู้สึกตัว หรือมีความผิดปกติ บริเวณเล้นประสาทเช่น การถูกรถชน รถเหยียบ สามารถตรวจสอบสภาวะการเป็นอัมพาตโดยใช้ เล็บหรือปากคีบ (Forceps) หนีบบริเวณหนังที่,เช่าเท้า เพื่อดูการตอบสนองโดยเราเริ ยกการทดสอบนี้ ว่าการตรวจการเจ็บขั้นสึก(Deep Pain)นอกจากนี้สุนัขสามารถขับเหงื่อทางฝ่าเท้าได้หาง : ใช้สำหรับถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ซํ่งผู้เลี้ยงสามารถสังเกตความต้องการของ สุนัขโดยดูจากการแกว่งหาง

นม : มีนั้งในสุนัขตัวเมียและตัวผู้ ในสุนัขเพศเมียเต้านมมีไว้สำหรับการสร้างนํ้านมเพื่อเลี้ยงลูก

นั้าหนัก : สุนัขมีนั้าหนักแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1 กิโลกรัม ถึงมากกว่า 100 กิโลกรัม โดยทั่วไปสุนัขตัวผู้จะมีนั้าหนักมากกว่าตัวเมีย ประมาณ 10 %

ส่วนสูง : ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ พบว่าในสุนัขเพศผู้จะมีโค รงร่างสูงใหญ่กว่าสุนัขเพศ เมียในสายพันธุเดียวกัน 

การพัฒนาพฤติกรรมของสุนัข

การพัฒนาพฤติกรรมของสุนัขสามารถแบ่งออกได้เป็น  4 ช่วง โดยในแต่ละช่วงมีความสำคัญทำให้เราทราบถึงพัฒนาการด้านพฤติกรรมของสุนัข ได้แก่ ช่วงแรกเกิด    ช่วงอายุ3-12 สัปดาห์ ช่วงวัยรุ่น ช่วงวัยเจริญเติบโตเต็มที่ และช่วงวัยชรา ดังนี้

ลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดใหม่นั้นจะยังไม่สามารถมองเห็น ได้ยินและไม่สามารถเดินได้ ตาและหู ของลูกสุนัขจะเริ่มใช้งานได้เมื่ออายุ ประมาณ 10-16 วัน เป็นด้นไป แต่อย่างไรก็ดีประสาทสัมผัส เรื่องการรับกลิ่นนั้นมีการเจริญขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ลูกสุนัขจึงมีสัญชาติญาณในการหันเข้าไปหา หัวนมของแม่สุนัขเพื่อดูดนม ในนํ้านมของแม่สุนัขนั้นมีสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของ ลูกสุนัขโดยเฉพาะ ในช่วงอายุ 3 สัปดาห์แรก ลูกสุนัขแรกเกิดนั้นไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ดังนั้นจึงพยายามนอนชิดคัน และเราอาจช่วยโดยการกกไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ลูกสุนัขได้ลูก สุนัขในช่วงวัยนี้นักจะนอนมากกว่าสุนัขช่วงวัยอื่น เมื่ออายุ 6-10 วัน ลูกสุนัขสามารถใช้ขาหน้ารับ น้ำหนักและทรงตัวได้ และที่อายุ 12-14 วันลูกสุนัขสามารถยืนได้ด้วยขาทั้ง 4 ข้าง แต่เป็นการยืนที่ ยังไม่สมบูรณ์เนื่องจากการทรงตัวยังไม่ดี และหัวมักจะส่ายไปมาในระหว่างที่ลูกสุนัขเคลื่อนที่

เป็นช่วงที่มีความสำคัญในการพัฒนาหรือแกพฤติกรรมต่างๆ ลูกสุนัขมีความสามารถใน การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วโดยเฉพาะในช่วงอายุ 9 สัปดาห์ เป็นช่วงที่สำคัญคับชีวิตลูกสุนัขมากที่สุด เพราะเป็นช่วงแห่งการเรียนรู้รู้ที่กำหนดพฤติกรรมต่างๆของลูกสุนัขเมื่อโตเต็มวัย โดยลูกสุนัขเรียนรู้รู้ และลื่อสารคับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งในช่วงนี้ลูกสุนัขจะเรียนรู้รู้เกี่ยวคับพี่น้อง แม่ มนุษย์สิ่งที่กิน ได้กินไม่ได้ พฤติกรรมทางเพศพฤติกรรมการเล่น การอยู่รวมคันเป็นฝูง การมีผู้’นำฝูง พฤติกรรม การส่า การย่างเท้าเข้าหาเหยื่อ พฤติกรรมการสำรวจเช่น การดม    (ร1111ธ11ฐ) การตะกรุย (ห3^1112)

การขุด (01221112) การเคี้ยว (010^1112) การฉีก (1ธ3ฝ112) การคาบ (ห!(±1112 บันั) วัตถุหลายๆ อย่าง พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวอย่างที่เป็นแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมที่ถูกและไม่ลูก หรือพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น การคัดรองเท้า การวิ่งเห่ารถจักรยานยนต์หรือรถจักรยาน เป็นต้น ลูกสุนัขในช่วงนี้นอกจากจะพัฒนาด้านพฤติกรรมแล้ว ยังรวมถึงการพัฒนาอารมณ์ด้วย มีรายงานว่าลูกสุนัขที่หย่านมแม่เร็วเกินไป อาจทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือขาดการเรียนรู้รู้ทาง สังคมคับตัวอื่นๆ ทำให้เกิดพฤติกรรมไม่ปกติ เช่น การเห่ามากเกินไป การคัดทำลายข้าวของ ปัญหา การขับถ่ายอันเนื่องมาจากอารมณ์ และในลูกสุนัขที่หย่านมเร็วและติดเจ้าของมาก ทำให้ลูกสุนัขเกิด การหวาดระแวง ขี้ขลาด เข้าคับสุนัขตัวอื่นไม่ค่อยได้ ก้าวร้าวเพราะหวงเจ้าของ เข้าคับมนุษย์ได้ ดีกว่าคับสุนัขด้วยคัน นักแสดงพฤติกรรมทางเพศคับเจ้าของได้ (การขึ้นขี่) แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า ลูกสุนัขที่หย่านมเร็วเกินไปหรือติดเจ้าของมากเกินไปต้องมีพฤติกรรมที่ผิดปกติอย่างนี้ มักพบเป็น เพียงบางส่วนเท่านั้น

     ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกสุนัขกำลังเจริญเติบโต มีลักษณะรูปร่างกล้ามเนื้อและพฤติกรรม เหมือนสุนัขที่โตเต็มวัย เริ่มแสดงพฤติกรรมทางเพศไต้โดยพบที่อายุ 4-6 เดือนไต้ลูกสุนัขจะแสดง ความสนใจต่อสุนัขที่เป็นลัด (Estrous Bitch)และความสนใจทางเพศจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงอายุ 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่สุนัขเจริญเติบโตเต็มที่ แม้จะถือว่าลูกสุนัขเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเข้าสู่ช่วงเจริญพันธุ (Puberty)แต่สุนัขส่วนใหญ่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ จนกว่าอายุ 18 เดือนขึ้นไป การกินและการรับ รสของสุนัข สุนัขไม่สามารถรับรสได้แต่อาศัยดมกลิ่น สุนัขต้องใช้ลิ้นแตะอาหาร 1 วินาที เพื่อให้รู้ รสอาหาร ฟันน้ำนมของสุนัขจะเกิดเมื่ออายุ 20 วัน และขึ้นครบใน 6 สัปดาห์ หลังจากนั้น 3 เดือน ก็จะเริ่มหลุดและพันแท้ก็จะงอกแทน สุนัขมีฟันน้ำนม 28 ซี่ พันแท้42 ซี่

เป็นช่วงที่สุนัขมีการพัฒนาโครงร่างของร่างกายสมบูรณ์ที่สุด มีพละกำลังสมบูรณ์ที่สุด อาจพบว่าสุนัขบางตัวดื้อมาก ชอบวิ่งขุดคุ้ยสิ่งต่างๆ หรือชอบทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่าการนอน และเป็นช่วงที่แสดงออกถึงภาวะ การแสดงเพศอย่างเด่นชัด โดยตัวผู้จะสนใจสุนัขเพศเมียที่เป็นสัตว์ มีการต่อสู้แข่งขันกับสุนัขเพศผู้ตัวอื่นเพื่อให้ได้ผสมพันธุกับสุนัขเพศเมีย มีการสร้างหรือกำหนด อาณาเขตของตัวเอง ในสุนัขเพศผู้ที่มีฮอร์โมนเพศผู้มาก  (Testosterone Hormone) มักจะดุร้ายโดยเฉพาะในช่วงการผสมพันธุ หรือการประกาศอาณาเขต มักพบพฤติกรรมและการแสดงออก ตังนี้

  • การมองเห็น

     การมองเห็นสีของสัตว์ลูกควบคุมโดยเซลล์รูป (Cone Cell)จากการศึกษา พบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่สามารถมองเห็นสีได้แต่เนื่องจากปริมาณและชนิดของเซลล์ รูปกรวยนั้นมีน้อยกว่ามนุษย์มาก จึงสามารถมองเห็นสีได้แต่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นสีใด ต่างจาก มนุษย์ซี่งมีเซลล์รูปกรวย 3 ชนิด คือแดง เขียว และนั้าเงิน ทำให้มนุษย์เห็นสีได้หลากหลายกว่าสัตว์ สุนัขสามารถมองเห็นสีคือ สีนั้าเงินและสีเหลือง เนื่องจากในตาของสุนัขมีเซลล์รูปกรวยที่ทำงาน ได้ดี 2 ชนิดคือ ชนิดแรกเซลล์ที่ไวต่อแสงในช่วง 429 ถึง 435 นาโนเมตร หรือช่วงสีม่วงและ สีนั้าเงิน และชนิดที่สองเซลล์ที่ไวต่อแสงในช่วง 555 นาโนเมตรหรือช่วงสีเขียวเหลือง แต่สุนัขไม่มี เซลล์รูปกรวยชนิดสีเขี ยว นั่นคือสุนัขไม่สามารถแยกสีแดงและเขียวออกจากกันได้ แปลว่าสุนัข เป็นสัตว์ตาบอดสีแดงเขียวคล้ายกับมนุษย์ (Deuteranopia) สรุปก็คือสุนัขไม่สามารถแยกสีเขียว สีเขียวเหลือง สีเหลือง สีล้มหรือสีแดงที่ มองเห็นได้แต่จะเห็นสีเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆเท่านั้นโดยจะเห็นสีม่วงและม่วงนํ้าเงินเป็นสีนํ้าเงิน และเห็นสีเขียวเหลือง เหลืองและแดงเป็นสีเหลือง      สุนัขสามารถมองเห็นได้เป็นมุมกว้างกว่ามนุษย์เนื่องจากตาของสุนัขจะอยู่ค่อนไปทางด้านข้างของหัว ทำให้เห็นภาพในมุมกว้างกว่า ดังนั้นสุนัขจึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและ มองเห็น ในที่มืดได้ดีกว่ามนุษย์เพราะเซลล์บริเวณจอตาซํ่งเป็นที่รวมแสง สุนัขเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตกลางคืน แม้แสงไฟเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นได้การ

  • ดมกลน

เป็นการลื่อสารอย่างหนื่งที่สุนัขใช้กันมาก สุนัขจะกำหนดเขตแดนของตนโดย การป็สสาวะบ่อยๆ และการเกาหรือขีดข่วนพื้นเพื่อที้งกลึ๋นเหงื่อจากต่อมเหงื่อที่อุ้งเท้า นอกจากนี้ สุนัขยังชอบกลี้งตัวไปตามพื้นเพื่อที้งกลึ๋นดัวเองไว้โดยเป็นการประกาศอาณาเขต การใช้จมูกดม ตามพื้นหมายถึง การหาที่ขับถ่าย ส่วนการเอาจมูกแตะกันหมายถึง การที่สุนัขทำความรู้จักกัน เป็น การหยั่งเชิงซํ่งกันและกัน สุนัขสองตัวไม่เคยพบกันมาก่อน แล้วเมื่อมาเจอกันสึ๋งแรกที่จะแสดงออก ล้าไม่เห่าก็คือการวึ๋งเข้าหากันโดยเอาจมูกมาแตะกัน การเอาจมูกแตะกันนี้เป็นพฤติกรรมทดสอบ ฝ่ายตรงข้ามเบื้องด้นว่ามาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้นจะผลัดกันดม เพื่อเพึ๋มความคุ้นเคยและ เป็นการจดจำกลิ่นซํ่งกันและกัน ถึงขั้นดมกลึ๋นนี้ถือว่าสุนัขนั้งสองตัวเริยนรู้ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ล้าเป็นศัตรูกันก็อาจเดินหนี สุนัขทุกชนิดมีความสามารถในการดมกลิ่นแต่บางสายพันธุมีประสาท การดมกลิ่นพัฒนาไปมากกว่าสุนัขทั่วไป เช่น พันธุ บสัดฮาวน์ด นอกจากใช้จมูกดมกลิ่นแล้วยังมี เซลล์พิเศษในปากเพื่อรับกลิ่นด้วย สุนัขสามารถจำกลิ่นได้เป็นเวลานานและดมกลิ่นเลือดที่หยดลง ในนั้า 7.5 ลิตร และสามารถตามรอยเหงื่อจากรอยเท้าที่ทิ้งไว้เมื่อ 20 ชั่วโมง ได้ ในจมูกสุนัขมีต่อม รับกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายล้านเท่า เช่น มนุษย์มี 5 ล้านต่อม เยอรมันเชพเพิร์ดมีถึง 2100 ล้านต่อม

  • การได้ยิน

โดยทั่วไปสุนัขจะมีประสาทรับเสียงที่ไวมากสามารถได้ยินเสียงคลื่นความถี่สูง กว่าที่มนุษย์ได้ยินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อและการลื่อสารกับสุนัขอื่น ตังนั้นจึงมี
การแกสุนัขให้ช่วยนำทางคนตาบอด โดยนักวิทยาศาสตร์ทดลองเอาลูกแก้วเล็กๆ ยกจากพื้นสูง 3 เซนติเมตร สุนัขยืนห่างออกไป 24 เมตร สุนัขสามารถได้ยิน สุนัขรู้ที่มาของเสียงได้แม่นยำกว่า มนุษย์สุนัขสามารถจับจังหวะเสียงเดินของเจ้าของได้ รวมถึงได้ยินเสียงความถี่ ตากว่า 20 เมกะเฮิรตซ์ และมากกว่า 20,000 เมกาเฮิรตซ์ ซํ่งเป็นความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน

  • การเห่า

เป็นพฤติกรรมปกติของสุนัข สุนัขจะเห่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ สุนัข จะเริ่มเห่าที่อายุประมาณ 2-3 เดือน การเห่าของสุนัขอาจเป็นการแสดงความตื่นตัว หรือเป็นการ ข่มขู่ผู้ที่เข้ามาในเขตครอบครองของสุนัข หรือเป็นอาการแสดงความยินดี เป็นการลื่อสารของสุนัข
กับสิ่งอื่น หรือเพื่อเชิญชวนให้มาร่วมเล่นด้วย หรือเกิดเนื่องจากสุนัขมีความสุขได้ ซํ่งทุกครั้งที่เห่า แสดงว่าเกิดความแปลกหรือความผิดปกติขึ้น เช่น เสียงดังเข้าประสาทหูมัน กลิ่นแปลกจากสัตว์อื่น ซํ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนภัยให้เจ้าของบ้านด้วย

  • การเล่น

โดยธรรมชาติสุนัขเป็นสัตว์สังคมและอยู่รวมกันได้ดี เนื่องจากมีการจัดลำดับฐานะความสำคัญในกลุ่ม สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมักจะแสดงกิริยาต้อนรับโดยการแกว่งหางและ อ้าปากเล็กน้อยเมื่อสมาชิกในครอบครัวกลับเข้าบ้าน

  • การติดต่อสื่อสาร

สุนัขป่าจะสื่อสารกันด้วยการหอนซํ่งวิธีนี้ได้ถ่ายทอดและพัฒนาขึ้นมากในกลุ่ม สุนัขเลี้ยงทางซีกโลกเหนือหรือสุนัข ล่าเนื้อที่จะเห่าหอนในขณะตามเหยื่อ ซํ่งเป็นประโยชน์อย่าง มากต่อนายพราน การแสดงออกส่วนใหญ่ใช้หาง สุนัขไม่ชอบให้ใครจับโดนหางหรือหู สุนัขจะใช้ หางเมื่อเวลาว่ายนํ้าเหมือนเป็นหางเสือเรือ ใช้หางเพื่อทรงตัวขณะเปลี่ยนทิศทาง กะทันหัน สุนัข พันธุบ๊อกเซอร์หรือเทอร์เรยร์จะถูกดัดหางหลังเกิด 4-5 วัน เพื่อให้เหมาะสมในการออกล่าสัตว์ หางจะแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น กระติกหาง หมายถึงการแสดงความรักและดีใจ หางตั้งขึ้นหมายถึง การสงสัยอะไรบางอย่าง หางจุกตูด หมายถึง การแสดงความกลัวหรือยอมแพ้เป็นด้น

  • การประกาศอาณาเขต

ในสุนัขเพศผู้ การฉี่ทิ้งร่องรอยไว้เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นการแสดงถึงอาณาเขต ที่คุมอยู่ (เจ้าถิ่น) โดยจะยกขาขึ้นฉี่ที่ละเล็กน้อย จะไม่ฉี่รวดเดียวเสร็จเพียงเพื่อทิ้งร่องรอยไว้เท่านั้น หากมีสุนัขอีกคัวมาดมแล้วก็ฉี่ทับก็แสดงว่าสุนัขที่ฉี่ทับนั้นประกาศสงครามกับเจ้าของรอยฉี่ เติม แต่ในสุนัขเพศเมียแล้วจะฉี่รวดเดียวหมดไม่ค่อยมีการฉี่ทิ้งร่องรอยแบบในเพศผู้ เว้นแต่ช่วงที่1ป็นสัดอยากผสมพันธุ สุนัขเพศเมียจะฉี่ทิ้งร่องรอยเพื่อรอดัวผู้มาให้ เสือกคู่ การที่สุนัขยกขาช้าง หนื่งเวลาฉี่นั้น เป็นเรื่องที่คนไม่ควรเช้าไปแก้ไขเพราะนั่นคือธรรมชาติของสุนัข

  • การยกขา

สุนัขที่ยกขาหน้าขึ้นเป็นการแสดงเมื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนื่ง   เชื่อว่าพฤติกรรมนี้สืบเนื่องมาจากขณะที่เป็นลูกสุนัขแรกเกิด เนื่องจากเวลาดูดนมจากเด้านมของแม่ ลูกจะใช้เท้าพลิก หรือดันหัวนมแม่เป็นจังหวะ เป็นการกระตุ้นให้มีนั้านมไหล คือ ยังต้องการจะกินนมแม่อีก เมื่อโต ขึ้นจึงมีพฤติกรรมเติมหลงเหลือมาแสดงกับคน

  • การขุดและการกลบ

พฤติกรรมการฝังกระลูกเป็นสัญชาติญาณของบรรพบุรุ ษของสุนัขเช่นกัน ซํ่งเป็นสัญชาติญาณของความอยู่รอดของสัตว์ป่า โดยการถนอมอาหารเพื่อที่จะเล็บอาหารไว้กินยามขาดแคลน ถึงแม้ว่าสุนัขที่เลี้ยงในบ้านไม่ได้ขาดแคลนอาหาร  แต่ก็ไม่สามารถที่จะทิ้งนิสัยเดิมได้ไม่เพียงแต่ฝังเศษอาหาร สุนัขบางตัวสามารถจดจำสถานที่ฝังได้อย่างแม่นยำแต่บางตัวก็ลืมสมบัติ ที่ฝังไว้ สุนัขที่มีนิสัยชอบขุดหรือขีดข่วนบนพื้นแข็งพื้นห้องแสดงถึงความกระดือรือร้นที่จะสร้าง ที่นอนอันสบายให้ตัวเอง ซํ่งพฤติกรรมนี้สามารถพบเห็นได้จากการที่สุนัขชอบไปนอนในตะกร้า หรือสุนัขที่มีที่นอนเฉพาะ และสิ่งแรกที่ทำก็คือการขีดข่วนเพื่อเป็นการจัดที่นอน พฤติกรรมนี้เมื่อ ย้อนไปในอดีต เป็นสัญชาติญาณเพื่อความอยู่รอด

  • การเลีย

สุนัขจะแสดงความรักต่อเจ้าของได้โดยการเลียหรือที่เราเรืยกว่า “เลียประจบ ” สุนัขอาจจะเลียแข้งเลียขาไปจนถึงเลียหน้าเจ้าของ ลือว่าเป็นการเลียเพื่อแสดงความรัก ความเป็น มิตรกัน เป็นสัญชาติญาณจากบรรพบุรุษของสุนัขทุกตัวนั่นเอง

  • การกัดและไล่ล่า

สุนัขเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าคนถึง  10 เท่า การตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากสุนัขถูกเลี้ยงดูอย่างไม่ค่อยเอาใจใส่ดีนัก เช่น ลูกดีบ่อยๆ หรือเจ้าของขังไว้ในกรงบ่อยและนานๆ บางคนชอบเตะสุนัข ถ้าหากสุนัขตัวใดเจอสภาวะเหล่านี้ บ่อยเข้า ก็จะแสดงอาการต่อต้านเจ้าของและต่อต้านบุคคลอื่น สุนัขตั วอื่นหรือสัตว์อื่นๆ ได้เสมอ ทำให้ควบคุมสุนัขได้ยากขึ้น การเดินเข้าหาสุนัขที่ก้าวร้าวจะต้องเดินเอาข้างของลำตัวเข้าหา ถ้าเอา ด้านหน้าหรือเดินเข้าไปตรงๆ สุนัขจะเข้าใจว่าไปท้าทาย จากนั้นก็เอาแขนอื่นออกไปข้างหน้าเพื่อ หันความสนใจของสุนัขออกจากตัวและขาของเราด้วย ลำหรับสุนัขที่ชอบวิ่งไล่คน หรือวิ่งไล่ รถจักรยาน หรือคนชอบวิ่งหนีสุนัขนั้น เป็นการจุดชนวนให้สุนัขวิ่งไล่ขึ้นไปอีก การที่สุนัขวิ่งไล่ นั้นเพียงแค’อยากจะหยุดเราชั่วครู่เท่านั้น เพราะตามสัญชาติญาณเมื่อฝ่าเท้าลูกกระตุ้นให้วิ่ง ย่อม หมายถึงว่าจะต้องมีการล่าเกิดขึ้น แต่จะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนํ่ง 3.2.5 ช่วงวัยชรา สุนัขเข้าสู่วัยชราเมื่ออายุประมาณ 8 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ ช่วงนี้เป็นช่วงที่สุนัข มีระบบการเผาพลาญพลังงานลดลง สะสมไขมันมากขึ้ น มีความคล่องตัวลดลง ในสุนัขบางตัวอาจ พบว่าการทำกิจกรรมต่างๆ ลดลง เอาแต่นอน สุนัขในช่วงวัยนี้เจ้าของอาจสังเกตความผิดปกติที่อาจ เกิดขึ้นกับสุนัขได้ยาก เนื่องจากว่าสุนัขมีการลดกิจกรรมลง การกินลดลง และในสุนัขที่อายุมาก อาจพบโรคสมองเลื่อมในสุนัขได้ ซํ่งโรคนี้ทำ ให้เกิดการสูญเลียความทรงจำและอาการสับสนใน สุนัขสูงอายุ อาการที่พบคือ จะมีอาการสับสน ลดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เห่าโดยไม่มีสาเหตุ นอน ไม่หลับ หรือนอนมากขึ้นในช่วงกลางวัน ตื่นตอนดึก หลงทางในบ้านตัวเอง และขับถ่ายเลอะเทอะ ซํ่งการขับถ่ายเลอะเทอะในสุนัขสูงวัย อาจมาจากการหลงลืม หรืออาจมีป็ญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ได้

 

 

สรุปพฤติกรรมและการสื่อสารของสุนัข

พฤติกรรมสุนัข

การสื่อสาร

กระติกหาง

แสดงความรัก และดีใจ

หางตั้งขึ้น

สงสัยอะไรบางอย่าง

หางจุกตูด

แสดงความกลัว หรือยอมแพ้

เอาจมูกแตะกัน

สุนัขทำความรู้จักกัน เป็นการหยั่งเชิงซํ่งกันและกัน

นอนหงาย

แสดงการยอมแพ้เพื่อจะไต้ไม่ถูกทำร้าย

การฉี่

ประกาศอาณาเขตที่อยู่

การเดินวนไปมา

เป็นการจับจองบริเวณ แสดงความเป็นเจ้าถึ๋น

การเลีย และเคล้าเคลีย

แสดงความรัก และเป็นมิตร

การใช้จมูกดมตามพื้น

หาที่ขับถ่าย

การเห่า

แสดงอาการระวังภัย

การทำลายสิ่งของ หรือร้องครวญคราง

เริยกร้องความสนใจ อาจเกิดจากการลูกทอดทิ้ง

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

อาหารสุนัข

อาหารสุนัข

อาหารสุนัข

อาหารสุนัข เป็นอีกปัจจัยหนี้งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสุนัข ใน, ทางชีววิทยาสุนัขจัดอยู่ในจำพวกสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร

Home / การฝึกสุนัข

อาหารสุนัข

อาหารและการให้อาหารสุนัข

    อาหารสุนัข เป็นอีกปัจจัยหนี้งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสุนัข ใน, ทางชีววิทยาสุนัขจัดอยู่ในจำพวกสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร (Carnivorous)
เช่นเดียวกับแมวแต่โดยธรรมชาติเมื่อเปรียบเทียบในขบวนการเมตาโบลิซึม
ความต้องการโภชนาการ และรูปแบบของอาหารแล้ว สุนัขควรจะจัดอยู่ในสัตว์ ประเภทที่กินทั้งเนื้อและพืชเป็นอาหาร (omnivorous) มากกว่า ขณะที่แมวเป็น สัตว์ที่กินเนื้อเพียงอย่างเดียว (Carnivorous) บรรพบุรุษของสุนัข คือ สุนัขป่า ดำรงชีวิตอยู่ไต้ด้วยการล่าเหยื่อ (predator) ถึงแม้อาหารหลักของสุนัขป่าคือ เนื้อสัตว์ แต่สุนัขก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ไต้ด้วยเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว สุนัข ป่าจะกินเหยื่อที่ได้จนหมดทั้งตัว นั่นคือสุนัขยังไต้พวกพืช หรือเยื่อใย (Vegeatable matter) ที่อยู่ในกระเพาะ และลำไล้ของเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็น สัตว์กินพืช (Herbivorous) และยังไต้รับแร่ธาตุ เช่น Calcium, Phosphorus จาก กระดูกของเหยื่อ ตังนั้นสุนัขจึงไต้รับสารอาหารครบทุกชนิด นอกจากนี้ในฤดูกาลที่ขาดแคลนเหยื่อ สุนัขก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ไต้ด้วยพืชผักและผลไม้

[อาหารสุนัข 

 

ตังนั้น อาหารสุนัขที่มีคุณภาพดีควรมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายชนิด ในสัดส่วนที่พอเหมาะและสอดคล้องกับความต้องการของร่างกายคล้ายกับ มนุษย์คือจะประกอบด้วย

อาหารสุนัข. 


นํ้า เป็นสารอาหารที่สำคัญมากชนิดหนี้งต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกาย สัตว์’ประกอบด้วยนํ้า ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การที่ร่างกายขาดนํ้า จะ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และเฉียบพลันต่อระบบสรรวิทยาของสัตว์มากกว่า การขาดสารอาหารชนิดอื่น เช่น สัตว์สูญเสียไขมัน หรือ โปรตีน มากกว่า ครึ่งหนึ่งของร่างกาย สัตว์ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ แต่สัตว์ที่สูญเสียนํ้าเพียง 10% ของนํ้าในร่างกายสามารถสูญเสียชีวิตได้ทันที หน้าที่ของนํ้าในร่างกายที่สำคัญ คือ เป็นตัวทำละลายที่ช่วยในขบวนการทางเคมีต่าง ๆ รวมทั้งการขนส่งสารอาหาร การขจัดของเสีย และการระบายความร้อนออกจากร่างกาย สุนัขต้อง มีนํ้าสะอาดตั้งไวให้กินตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยึ๋งกรณีที่เลี้ยงสุนัขด้วยอาหารแห้ง และควรเปลี่ยนนํ้าทุกวัน

โปรตีน เป็นสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ผม และเล็บ ฯลฯ นอกจากนี้ เอนไซม์และฮอร์โมนส่วนมากก็มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ หน่วยย่อยของโปรตีนเรียกว่า กรดอะม่โน (amino acids) ซํ่งได้มาจากทั้งอาหารที่สัตว์กินเข้า ไป และร่างกายสังเคราะห์เอง กรดอะม่โนที่สัตว์ต้องการมีประมาณ 22 ชนิด ตังแสดงในตาราง ในอาหารสัตว์ควรมีกรดอะมิโนตังกล่าวครบถ้วนและมี ปริมาณมากพอ เพื่อให้ขบวนการสร้างโปรตีนดำเนินไปอย่างปกติ และสอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย กรดอะม่โนบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ (Essential amino acid) จำเป็นต้องได้รับจาก อาหารที่สัตว์กินเข้าไป

Essential and Nonessential Amono Acids for Dogs and Cats

Essential Amono AcidsNonessential Amono Acids
ArginineAlanine
HistidineAsparagine
IsoleucineAspartate
LeucineCysteine
LysineGlutamate
MethionineGlutamine
PhenylalanineGlycine
TryptophanHydroxy lysine
ThreonineHydroxyproline
ValineProline
Taurine (cats only)Serine
 Tyrosine
  

    วัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งโปรตีนหรือกรดอะมิโน ได้มาจาก 2 แหล่งคือ จากพืชและจากสัตว์ โปรตีนจากสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหารสุนัข ได้แก่ เนื้อ จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย เช่น โค สุกร ม้า สัตว์ปีก ปลา ส่วนวัตถุที่ มีคำว่า By-products อยู่ด้วยจะหมายถึง เนื้อ ผสมกับเครื่องใน ขน หัว และ เท้า ผสมอยู่ด้วยปัจจุบันได้มีการนำเอาเนื้อแกะ และ กระต่าย เข้ามาเป็นแหล่งอาหาร โปรตีน เพื่อเพึ๋มความหลากหลาย และใช้ในกรณีสุนัขแพ้ต่อโปรตีนจากไก่ และเนื้ออื่นๆ นอกจากนี้ยังมีไข, ซํ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่ควรทำให้สุกก่อน ให้สุนัขกิน เพราะไข,ขาวจะย่อยไดิดกว่า นอกจากนี้ในไข่ขาวดิบยังมีสาร Avidin ซงจะขัดขวาง บวนการเมตาโบลิซึมของวิตามินบีและไบโอทิน (biotin) เนยแข็ง (Cheese) เป็นแหล่งโปรตีน และแคลเซียมที่ดี แต่ทำให้เกิด ท้องเสียได้ถ้าให้สุนัขกินเป็นจำนวนมาก นม เป็นอาหารที่มีคุณภาพสูง เพราะมีสารอาหารหลายอย่าง แต่สุนัข บางตัวอาจย่อยลำบาก โปรตีนจากพืชที่นิยม ได้แก่ แป็งข้าวโพด แบ้เงถั่วเหลืองกากถั่ว เหลือง อัลฟัลฟาป่น และวีทเจิว์ม โดยทั่วไปโปรตีนจากพืชจะมีสมดุลและการ ใช้ประโยชนํได้ของกรดอะมิโนด้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ นอกจากนี้บางชนิด ยังประกอบด้วยสารพิษทำให้สัตว์ใช้โปรตีนจากพืชหรือแร่ธาตุอื่นในอาหาร สัตว์ได้ไม่เต็มที่ เช่น โปรตีนจากพืชจะมีกรด Phytic กรดนี้จะรวมกับแร่ธาตุ ต่าง ๆ เช่น ฟอสฟอรัส ทำให้การใช้ประโยชน์ของแร่ธาตุดังกล่าวลดลง

     เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่าง ยึ๋ง เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้กลูโคสซํ่งเป็น หน่วยเล็กที่สุดของคาว์โบไฮเดรทที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ ยังช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโนและสารต่าง ๆ ในร่างกาย และทำงานร่วมกับโปรตีนและ ไขมันในส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย อย่างไรก็ตามการกินคาว์- โบไฮเดรทที่มากเกินไป ร่างกายสัตว์เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินเป็นไขมัน สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดโรคอ้วนได้ (Obesity) แหล่งคาว์โบไฮเดรตในอาหารสุนัข ได้แก่ ข้าวโพด ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ด เมล็ด ธัญพืช (Cereal) ขนมปง มันฝรั่ง ข้าว และ pasta ส่วนประกอบพวกนี้จะมี ราคาถูกและใช้เป็นจำนวนมากในอาหารสุนัข

     ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงเมื่อเทียบกับโปรตีน และ คาร์- โบไฮเดรตในปริมาณที่เท่ากัน ไขมันให้พลังงานสูงกว่าประมาณ 2.25 เท่า นอกจากนี้ไขมันยังมีประสิทธิภาพย่อยได้สูงกว่าอีกด้วย ไขมันนอกจากให้พลังงานแล้วยังทำหน้าที่อีกหลายอย่าง เช่น เป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็น ต่อการทำงานของร่างกายและ!เองกันการเกิดโรคผิวหนัง ได้แก่ กรดไขมันลิ โนเล-อิค (Linoleic acid) กรดไขมันลิโนเลนิค (Linolenic acid) ช่วยในการดูด ซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินอี ดี เอ และเค เป็นฉนวน!เองกัน ความร้อนออกจากร่างกาย และห่อหุ้ม!เองกันอันตรายต่อเนื้อเยื่อต่างๆ วัตถุดิบ ไขมันในอาหารสุนัข มีทั้งมาจากพืชและสัตว์ ไขมันที่ดีต้องอยู่ ในรูปของไตรกลีเซอไรด์และอื่นๆไม่เกิน 2.5% แหล่งของกรดลิโนเลอิคที่ สำคัญได้แก่ นํ้ามันลีนซีน และนํ้ามันแฟล็กซีน นอกจากนี้การเสริมอาหาร ไขมันลงในอาหารสัตว์ ยังช่วยให้อาหารมีความน่ากินและเพึ๋มรสชาติของอาหารอีกด้วย

วิตามินเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการปริมาณน้อย แต่จำเป็นต่อดำรงชีวิต และการให้ผลผลิต ล้าเกิดการขาดหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการ

สารอาหารสำหรับอาหาร

ความต้องการด้านโภชนาการของสุนัขโต

ส่วนประกอบแหล่งที่มาหน้าที๋ในร่างกายการขาดสารอาหารการได้(ทรอาทาร
โปรตีนอาหารสุนัขสำเร็จรูป เนื้อ ปลาเสริมสร้างกระลูก ซ่อมแซมโตช้า อ่อนแอ กระดูกอ้วน กระดูกเปราะ
 นม ไข่ส่วนที่สึกหรอและรักษาระดับผิดปกติแตกหักง่าย
  การเจริญเติบโต  
ไขมันไขมันและนื้าจากสัตว์และพืชให้พลิ’งงาน ช่วยให้ผิวหนังมีสุขผิวหนังและขนหยาบ แผลอ้วน โรคตับ
  ภาพดีและช่วยในกระบวนการหายช้า 
  เมตาบอลิชึม *  
คารั่โบไฮเดรตธัญพืช ข้าว พาสตา อาหารให้พลิงงานอาจมีป็ญหาของระบบอ้วน
 สุนัขชนิดแห้ง มันฝรั่ง สืบพันธุและการคลอด 
แร่ธาตุ    
แคลเซียมนม เนยแข็ง กระดก ขนมปงเสริมสร้างกระดูก จำเป็นต่อการโรคกระดูกอ่อน ชัก 
 และเนื้อทำงานของกล้ามเนื้อ และการ  
     
  แขงตวของเลอด  
ฟอสฟอรัสนม กระลูก เนื้อสร้างกระดูกและฟันโรคกระดูกอ่อน (พบได้น้อย) 
เหล็กเนื้อ ขนมปง ผักสร้างฮีโมโกลบินโลหิตจาง 
ทองแดงเนื้อ กระลูกสร้างฮีโมโกลบินโลหิตจาง 
ส่วนประกอบแหล่งที่มาหน้าที่ในร่างกายการขาดสารอาหารการได้สารอาหารมากไป
แมกนีเซียมกระดูก ปลา ผักใบเขียวเสริมสร้างกระดูก ช่วยสังเคราะหชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เบื่ออาหารท้องเสีย
 ธัญพืชโปรตีน  
 M. V1                 M. A 1                  1แคระแกร็น มีป็ญหาผิวหนัง 
สังกะสีเนอ ธญพชซอมแซมเนอเยอ ชวยการยอยทองเสย
  อาหาร  
แมงกานีสธัญพืช ถั่วช่วยในเมตาบอลิชึมของไขมันแคระแกร็น เป็นหมัน
ไอโอดีนนม ปลา ผักการทำงานของต่อมไทรอยต์โรคคอหอยพอก ขนร่วง ขนหยาบโรคหัวใจ
โคบอลต์’นม เนย เนื้อผลิตวิตามินบี 12
ซีลีเนียมปลา เนื้อ ธัญพืชการสังเคราะหวิตามินอีป็ญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อท้องเสีย
กำมะถันเนื้อ ไข่การสังเคราะห์กรดอะมิโนแคระแกร็น ผิวและ ขนไม1สมบูรณ์
โพแทสเซียมเนื้อ นมรักษาสมดุลของนํ้าในร่างกาย และบีป็ญหาของไตและหัวใจกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  การทำงานของระบบ ประสาท  
โชเดียมเกลือ ธัญพืชรักษาสมดุลของนํ้าในร่างกายขนร่วง แคระแกร็นกระหายนํ้า
วิตามิน    
วิตามินเอนม นื้ามันต้บปลาช่วย’ในการสร้างกระดูกและเพี่มผิวหนังหนาตัวปวดกระดูก เบื่ออาหาร
  ความต้านทานให์ผิวหนัง  
วิตามินบี 1ถั่ว ธัญพืชทงเมล็ด เครื่องในช่วยในเมตาบอลิชึมของการเสื่อมของเชลล์ประสาท หัวใจ
 สัตว์คาร่โบไฮเดรตล้มเหลว 
ส่วนประกอบแหล่งที่มาหน้าที่ในร่างกายการขาดสารอาหารการได้สารอาหารมากไป
แมกนีเซียมกระดูก ปลา ผักใบเขียวเสริมสร้างกระดูก ช่วยสังเคราะหชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เบื่ออาหารท้องเสีย
 ธัญพืชโปรตีน  
 M. V1                 M. A 1                  1แคระแกร็น มีป็ญหาผิวหนัง 
สังกะสีเนอ ธญพชซอมแซมเนอเยอ ชวยการยอยทองเสย
  อาหาร  
แมงกานีสธัญพืช ถั่วช่วยในเมตาบอลิชึมของไขมันแคระแกร็น เป็นหมัน
ไอโอดีนนม ปลา ผักการทำงานของต่อมไทรอยต์โรคคอหอยพอก ขนร่วง ขนหยาบโรคหัวใจ
โคบอลต์’นม เนย เนื้อผลิตวิตามินบี 12
ซีลีเนียมปลา เนื้อ ธัญพืชการสังเคราะหวิตามินอีป็ญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อท้องเสีย
กำมะถันเนื้อ ไข่การสังเคราะห์กรดอะมิโนแคระแกร็น ผิวและ ขนไม1สมบูรณ์
โพแทสเซียมเนื้อ นมรักษาสมดุลของนํ้าในร่างกาย และบีป็ญหาของไตและหัวใจกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  การทำงานของระบบ ประสาท  
โชเดียมเกลือ ธัญพืชรักษาสมดุลของนํ้าในร่างกายขนร่วง แคระแกร็นกระหายนํ้า
วิตามิน    
วิตามินเอนม นื้ามันต้บปลาช่วย’ในการสร้างกระดูกและเพี่มผิวหนังหนาตัวปวดกระดูก เบื่ออาหาร
  ความต้านทานให์ผิวหนัง  
วิตามินบี 1ถั่ว ธัญพืชทงเมล็ด เครื่องในช่วยในเมตาบอลิชึมของการเสื่อมของเชลล์ประสาท หัวใจ
 สัตว์คาร่โบไฮเดรตล้มเหลว 
ส่วนประกอบแหล่งที่มาหน้าที่ในร่างกายการขาดสารอาหารการได้สารอาหารมากไป
วิตามินบี 2นม เนยแข็ง เนื้อช่วยในเมตาบอลิชีมของพลังงานนํ้าหนักลด เบื่ออาหาร
ไนอาชีนเนื้อ ธญพช พชตระกลูก’วช่วยในเมตาบอลิชีมของพลังงานเป็นแผลในปาก ท้องเสีย
วิตามินบี 6เนื้อ ผัก ธัญพืช ไข่ช่วยในเมตาบอลิชีมของกรดอะมิโนเบื่ออาหาร ชัก โลหิตจาง นํ้าหนักลด
กรดโฟลิกผักใบเขียวช่วยในเมตาบอลิชีมของกรดอะมิโนโลหิตจาง นื้าหนักลด
วิตามินบี 12เนื้อ ไข่ นมช่วยในเมตาบอลิชีมของกรดอะมิโน
ไบโอตินเนื้อ ผักช่วยในเมตาบอลิชีมของกรดอะมิโนผิวหนังลอกเป็นสะ เก็ด
โคลีนไข่ตับธัญพืชถั่วช่วยในเมตาบอลิชีมของไขมันและพบไขมันสะสมที่ตับ การแข็งตัวของ
  การทำงานของระบบประสาทเลือดผิดปกติ 
วิตามินดีนม เนยแข็ง ไข่ เนื้อ นื้ามินตับช่วยในการสร้างกระดูกและเพิ่มการโรคกระดูกอ่อนท้องเสีย แสดงอาการขาด
 ปลาดูดซึมแคลเซียม แคลเซียม
วิตามินอีธัญพืช ผักใบเขียว เนยแข็งช่วยการทำงานของผนังเซลล์และกท้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นหมัน โลหิต
  ระบบสืบพันธุจาง 
วิตามินเคเนื้อ ธัญพืช ผักใบเขียว ตับช่วยในการแข็งตัวของเลือดเลือดแข็งตัวช้า

แล้ว ทำให้เกิดปัญหาได้ วิตามินที่สำคัญและจำเป็นต่อสัตว๙มีประมาณ 14 ชนิด ซึ่งมีทั้งร่างกายสัตว์สังเคราะห์ได้เอง และมีอยู่ในอาหารสัตว์ โดยทั่วไปวิตามินแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อี และเค
2. วิตามินที่ละลายได้ในนํ้า เช่น วิตามินซี

วิตามินในอาหารสุนัข

 

Vitamine Deficiencies, Excesses, and Major Dietary Sources

VITAMINE

DEFICIENCY

EXCESS

SOURCES

A

Impaired growth,reproductive failure, Loss of epithelial integrity, dermatoses

Skeletal abnormalities, Hyperesthesia

Fish liver oils, milk, liver, egg yolk

D

Rcikets, osteomalacia, nutritional secondary hyperparathyroidism

Hypercalcemia, bone resorption, soft- tissue calcification

Liver, some fish, egg yolk, sunlight

E

Reproductive failure pansteatitis in cats

Non-toxic, may increase vitamins A and D requirements

Wheat germ, corn and soybean oils

K

Increased clotting time, hemorrhage

None recorded

Green leafy plants, liver, some fish meals

Thiamine

CNS[1] dysfunction, anorexia, weight loss

Non-toxic

Meat, wheat germ

Riboflavin

CNS dysfunction, dermatitis

Non-toxic

Mlilk, organ meats, vegetables

Niacin

Black tongue disease

Non-toxic

Mleat, legumes, grains

Pyridoxine

Microcytic, hypochromic anemia

None recorded

Organ meats, fish, wheat germ

Pantothenic

acid

Anorexia, weight loss

None recorded

Liver, kidney, dairy products, legumes

Biotin

Dermatitis

Non-toxic

Eegs, liver, milk,

Legumes

Folic acid

Anemia, leukopenia

Non-toxic

Liver, kidney, green leafy vegetables

Cobalamin

Anemia

Non-toxic

Mleat, fish, poultry

Choline

Neurological dysfunction, fatty liver

Diarrhea

Eegs yolk, organ meats, legumes, dairy products

c

Not required by dogs/cats

Non-toxic

Citrus fruit, dark green vegetables

    แร่ธาตุเป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่สำคัญในร่างกายมากมาย เช่น เป็น องค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก ฟัน เนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยในขบวนการเมตาบอลิ ซึมของร่างกาย ช่วยควบคุมความเป็นกรดด่างของเลือด ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางเคมี ของร่างกาย และเป็นส่วนประกอบที่t?าคัญของเอนไซม์ วิตามิน และฮอร์โมน 

แร่ธาตุในอาหารสุนัข

 

Mineral Deficiencies, Excesses, and Major Dietary Sources

MINERAL

DEFICIENCY

EXCESS

SOURCES

Calcium

Rcikets, osteomalacia, nutritional secondary hyperparathyroidism

Impaired skeletal development, contributes to other mineral deficiencies

Fish liver oils, milk, liver, egg yolk

Phosphorus

Some as calcium deficiencies

Causes calcium deficiencies

Meat, poultry, fish

Magnesium

Soft- tissue calcification, enlargement of long bone Mletaphysis

Dietaiy excess unlikely, absorption is regulated according to needs

Soybean, corn, cereal grains, bone meals

Sulfur

Not reported

Not reported

Meat, poultry, fish

Iron

Hypochromic microcytic, anemia

Dietaiy excess unlikely, absorption is regulated according to needs

Organ meats

Copper

Hypochromic microcytic, anemia, impaired skeletal growth

Inherited disorder of copper metabolism causes liver diseases

Organ meats

Zinc

Dermatoses, hair depigmenta tion, growth retardation, reproductive failure

Causes calcium and copper deficiencies

Beef liver, dark poultry meat, milk, egg yolk, legumes

Manganese

Dietary deficiency unlikely, impaired skeletal growth, reproductive failure

Dietary excess unlikely

Meat, poultry, fish

Iodine

Dietary deficiency unlikely, goiter, growth retardation, reproductive failure

Dietaiy excess unlikely, goiter

Fish, beef, liver

Selenium

Dietary deficiency unlikely, skeletal and cardiac myopathies

Dietaiy excess unlikely, necrotizing myocarditis, toxic hepatitis and nephritis

Grains, meat, poultry

Cobalt

Dietary deficiency unlikely, vitamin B12 deficiency, anemia

Not reported

Fish, daily products

    แร่ธาตุสามารถแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ

  1. แร่ธาตุมหภาค (Macro elements) พบในเนื้อเยื่อของสัตว์ในระดับ มากกว่า 100 ppm. ประกอบด้วย แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม คลอไรด้ โปตัสเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์
  2. แร่ธาตุจุลภาค (Micro elements) พบในเนื้อเยื่อของสัตว์ในระดับ ตรกว่า 100 ppm. ประกอบด้วย เหล็ก ทองแดง สังกาสี แมงกานีส โคบอลํท ไอโอดีน ซีสีณี่ยม โมลิบดีนัม ฟลูโอไรด้

 

ชนิดของอาหารสุนัข (Types of pet food)

เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทาง อาหารครบถ้วนตามความต้องการของสุนัข แบ่งออกได้ 2 ชนิด


1.1  อาหารกระป้องที่เสริมวิตามิน เป็นที่นิยมใช้กันมาก
1.2  อาหารกระป้องที่ไม่เสริมวิตามิน ส่วนมากใช้เพื่อเพึ๋มความ น่ากิน เช่น เติมลงบนอาหารเม็ดแห้ง (dry pet food) 1-2 ช้อน

 


อาหารกระป้องส่วนมากประกอบด้วยส่วนผสมของเนื้อสัตว์และธัญพืช

ข้อดี – มีความน่ากิน สุนัขจะยอมรับได้ง่าย
– สามารถเก็บไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ต้องแช่ในลู้เย็น แต่ถ้า เปีดกระป้องแล้วต้องใช้ให้เร็วที่สุด มีข้อแนะนำว่าถ้าเปีด กระป้องแล้ว ควรเก็บอาหารที่เหลือไว้ในถุงพลาสติกและ เก็บไว้ในลู้เย็น เพราะเมื่อกระป้องถูกอากาศจะเกิด
ขบวนการออก1ซิเดชั่น ( Oxidation) ทำให้กระป้องเกิดสนิม

ข้อเสีย – ราคาแพง ไม่เหมาะจะใช้เลี้ยงสุนัขเป็นจำนวนมาก
– ทำให้สุนัขอ้วนได้ง่าย เพราะเป็นอาหารที่มีความน่ากินสูง ดังนั้นควรจำกัดจำนวนอาหารให้พอเพียงกับความต้องการ สุนัขเท่านั้น

มีคุณค่าทางอาหารครบตาม
ความต้องการของสุนัข ประกอบด้วย เนื้อสัตว์ ธัญพืช ไขมัน และสารเพึ๋ม ความชื้น เช่น simple sugar, glycerol, com syrup ซื้งสามารถเพืมความน่ากิน และถนอมอาหารไต้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพึ๋มสารอาหารที่!เองกันการเติบโต ของเชื้อจุลินทํรย์ เพื่อยืดอายุของอาหารอีกด้วย เช่น propylene glycol, potassium sorbate เป็นต้น อาหารชนิดนี้ส่วนมากอยู่ในรูปของห่อ (Foil- wrapped sachets packed)

ข้อดี
– มีกลึ๋นน้อยกว่าอาหารกระป้อง ผู้เลี้ยงนิยม
– ใช้สะดวกเพราะทำให้รูปของ Single-package
– มีหลากหลายชนิดให้เลือก เช่น รูปร่างของ Package แตกต่าง
กัน วัตถุดิบที่ใช้แตกต่างกันในแต่ละ package

ข้อเสีย
– ถ้าตั้งทึ้งไว้นานความน่ากินจะลดลงเพราะนํ้าระเหยออก

เป็นอาหารอีกชนิดหนี้งที่มีคุณค่าอาหาร ครบถ้วน ในปริมาณที่พอเพียงจะมีนํ้าเป็นส่วนประกอบประมาณ 10% ดังตา- รางท 6.5 มหลายรูปแบบ เช่น flakes meal pellet และ expanded chunks ส่วนประกอบที่สำคัญจะเป็นพวก ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม วิตามิน และแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีพวกแป็ง เพื่อยืดอายุของผลิตภัณฑ์
ข้อดี
– ประหยัด เพราะราคาถูก และสามารถซื้อเก็บไว้จำนวนมาก เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขหลายตัว
– เก็บได้นาน เพราะมีนํ้าเป็นส่วนประกอบน้อย
– สะดวก เพราะเจ้าของสามารถตั้งอาหารทึ้งไว้ในชามสุนัข หลายวัน โดยไม่เน่าเสีย
– มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เพราะการเคี้ยวและบดอาหารจะ ช่วยป็องกันการสะสมของ Plague และ calculus ของฟัน
ข้อเสีย
– ความน่ากินน้อย และสุนัขไม่ค่อยยอมรับ ดังนั้นจำเป็นให้ อาหารชนิดนี้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข

ตาราง แสดงส่วนประกอบของสารอาหารในอาหารแห้ง กงแข็ง และอาหารกระป้อง

 

อาหารแห้ง

อาหารกึ่งแข็ง

อาหารกระป๋อง

ความชื้น (%)

6-10

15-30

75

ไขมัน (%)

7-12

7-10

5-8

โปรตีน (%)

13-30

17-20

7-13

คาร์โบไฮเดรต (%)

41-70

40-60

4-13

ME (Kcal/kg)

2800-4050

2550-2800

875-1250

ผู้เลี้ยงบางคนมีความเชื่อว่าการ ทำอาหารให้สุนัขเอง สุนัขจะเติบโตดีกว่า ซํ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ลูกต้องนัก และ ยังต้องใช้เวลาอีกด้วย
ข้อเสีย
– ความไม่สมรเสมอของสารอาหารในการปรุงแต่ละครั้ง
– ความสมดุล และความครบถ้วนของสารอาหารเป็นไปได้ ยาก รวมทั้งขาดการวิเคราะห์คุณภาพของอาหารที่คุณทำเอง อย่างไรก็ตามถ้าคุณยังต้องการจะทำอาหารให้สุนัขเอง สามารถยึด
หลักง่ายๆ คือ ทำอาหารที่มีส่วนประกอบหลากหลายชนิด เพื่อให้ได้สารอาหาร ครบทุกกลุ่ม

รูปแบบการให้อาหารสุนัข (Feeding regiments)

 

การให้อาหารสุนัขแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ Free-choice feeding or Ad libitum, time- controlled feeding and portion-controlled feeding การจะเลือกแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับตารางการทำงานหรือกิจกรรมในแต่ละวันของ ผู้เลี้ยง จำนวนสัตว์ที่เลี้ยง และสุนัขยอมรับในวิธีดังกล่าวหรือไม่

คือ การมีอาหารให้สุนัขตลอดเวลา สุนัข สามารถกินได้ตามที่ต้องการตลอดทั้งวัน วิธีนี้สุนัขจะเป็นผู้จำกัดการกินอาหาร ด้วยตัวเอง ดังนั้นอาหารที่ใช้ต้องมีสารอาหารและพลังงานพอเพียง ในการให้ อาหารเช่นนี้ในระยะแรกนั้นสุนัขจะกินในปริมาณมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสุนัข ส่วนมากจะปรับปริมาณการกินให้พอเพียงกับความต้องการ อาหารแห้งจะ
เหมาะกับการให้อาหารแบบนี้เพราะไม่เสียง่าย อย่างไรก็ตามภาชนะใส่อาหาร ต้องสะอาดและควรเปลี่ยนอาหารให้สุนัขทุกวัน
ข้อดี
– ใช้แรงงานและความรู้ของผู้เลี้ยงน้อยที่สุด เพราะเติมอาหาร และนั้าเพียงวันละครั้ง เจ้าของก็ไม่ต้องทราบจำนวนที่สุนัข ต้องการจริงๆ ในแต่ละวัน
– ลดเสียงที่จะเกิดขึ้นของสุนัขเพื่อขออาหาร เหมาะกับผู้เลี้ยง สุนัขหลายตัว หรือสุนัขหลายตัวอยู่ในคอกเดียวกัน (Kennel)
ลดปัญหาที่อาจเกิดจากการที่สุนัขอยู่รวมกันหลายตัวใน พื้นที่จำกัด
– ลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น สุนัขกินอุจจาระตัวเอง (Coprophagia), เห่าผิดปกติ (Excessive barking)
– สุนัขที่อ่อนแอกว่า (subordinate dog) สามารถกินอาหารไต้ พอเพียง
– เหมาะกับสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อย ดูดซึม หรือสุนัขมี ประวิติกระเพาะอาหารขยายใหญ่กว่าผิดปกติ (Gastric
dilatation) 
– เหมาะกับสุนัขจำพวกกินได้ปริมาณน้อย (Poor keeper) คือ กิน 2 หรือ 3 ครั้งจะได้สารอาหารไม่ครบถ้วนและไม่ พอเพียง

ข้อเสีย
– ทำให้ทราบความผิดปกติเกี่ยวกับการกินของสุนัขได้ช้ากว่า ปกติ เช่น ถ้าสุนัขบางตัวเบื่ออาหาร เราจะไม่ทราบได้ใน ระยะแรกจนกว่าเด้าจะแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ซํ่ง ต้องใช้เวลาหลายวัน

หมดภายใน 15-20 นาที ถ้าแม้ว่าการให้อาหาร 1 ครั้งต่อวันจะพอเพียงกับสุนัข ที่เติบโตเต็มที่ (adult dog) แต่การให้ 2 ครั้งต่อวันสุนัขจะมีสุขภาพดีกว่า ซํ่งมี รายงานว่าการให้วันละครั้งจะเหนี่ยวนำให้เกิด gastric dilatation ในสุนัขพันธุ ใหญ่ มากกว่านั้นก็คือการให้ 2 ครั้งต่อวันจะลดความหิวระหว่างมื้อ และลด พฤติกรรมที่เป็นป็ญหา เช่น การขออาหาร (Begging) และ การขโมยอาหาร (Stealing 6ว0ส)ไต้
ข้อดี – ใช้แรงงานและความรู้ผู้เลี้ยงน้อย
ข้อเสีย – ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ทำให้สุนัขมีนิสัยละโมบ และกินอย่างรวดเรว (Voracious and gluttonous behavior) โดยเฉพาะสุนัขที่เลี้ยงรวมกันหลายตัว เพราะสุนัขเสียนรู้ว่า เมื่อถึงเวลา ต้องกินให้เร็วและมากที่สุด

ข้อดี
– เจ้าของสามารถติดตามความต้องการหรือการกินอาหารไต้ อยู่สมื่าเสมอ
– เจ้าของทราบการเปลี่ยนแปลงการกินอาหารของสุนัขได้นที
– ติดตามการเจริญเติบโต นํ้าหนักของสุนัขไต้ และสามารถควบคุมนั้าหนักสุนัขไต้ โดยการปรับเปลี่ยนชนิดหรือ
จำนวนอาหารที่ให้กิน

ข้อเสีย
– ต้องการเวลาและความรู้ของผู้เลี้ยงมาก



รูปแบบการให้อาหารสุนัข (Feeding regiments)

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

การเจริญเติบโตของสุนัข

สุนัขโต

การเจริญเติบไตของสุนัข

ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงระยะเจริญพันธุ พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและพฤติกรรมมากมาย

Home / การฝึกสุนัข

สุนัขโต ลูกสุนัขนอน

การเจริญเติบไตของลูกสุนัขตั้งแต่แรกเกิดจนถึงระยะเจริญพันธุ

พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและพฤติกรรมมากมาย    ซึ่งมนุษย์ต้องทำการศึกษาเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของสุนัข ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการอยู่ร่วมกันด้วยดีและสามารถนำสุนัขมาใช้ฝึกเพื่อ ประโยชน์ตามที่มนุษย์ต้องการได้         ในการแบ่งระยะการพัฒนาการของสุนัข

สามารถแบ่งไต้เป็น 7 ระยะ คือ

สุนัขโต ลูกสุนัข
สุนัขโต ลูกสุนัข

ระยะนี้ลูกสุนัขจะหูหนวก ตาบอดและการดมกลึ๋นของจมูกก็ยังทำงานได้ไม่ดีนักส่วนมากจึงอาศัยการสัมผัสในการค้นหาหัวนม ของแม่สุนัข ระยะนี้ลูกสุนัขจะใช้ เวลาเพื่อการกินและการนอนเท่านั้น ทั้งนี้เป็นการรักษาความอบอุ่นของตัวลูกสุนัขเอง การเห็นและการไต้ยินเสียงจะเริ่มเปีดตาตาและหูในช่วงท้ายๆของระยะนี้

สุนัขโต 3 เดือน 

ถึงแม้ว่าจะเห็นและ ได้ยินเสียงก็ยังไม่ดีจนกระทั่งวันที่ 18 จึงจะพัฒนาเต็มที่ ส่วนการดมกลิ่น,ของ จมูกจะเรึ๋มทำงานเต็มที่ในระยะนี้และจะเห็นลูกสุนัขเริ่มสามารถรับนํ้าหนักตัว

เป็นระยะทีสาํคัญ มากช่วงหนึงของสุ นขัเพราะสิ งทีลูกสุ นขัเรี ยนรู ้และจะยอมรับในสิ่งนั้นๆ แต่ถ้าเป็น
ระยะอืนการเรียนรู ้และยอมรับก็จะยากขึน เมื่อเขา้ช่วงนี ลูกสุ นัขจะรู ้สึกปลอดภัยขึ้นเนื่องจากสามารถเดินได้และเร็ วขึ้น การพัฒนาการเรียนรู ้จะเริ่มต้นโดยเฉพาะเสียงและท่าทางทีแสดงออกของแม่สุนัขหรือเจ้าของ ส่ นลูกสุนัขก็จะแสดงออกดว้ยเสียงและหางของมันและหางของมัน การเล่นกันกับพี่น้องในครอกเดียวกันจะเป็นการจัดลำดับชั้นในสังคมของสุนัขด้วยการแสดงพฤติกรรมขู่จากท่าทางที่แสดงออกมาให้ตัวอื่นเห็น การเข้าหาลูกสุนัขบ่อยๆโดยเฉพาะการสัมผัสที่นุ่มนวลของเจ้าของจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมือนว่าเป็นสมาชิกหนี่งใน ครอบครัวของมัน

     ลูกสุนัขจะเรียนรู้ระหว่างความสนุกกับสี่งที่ต้องระมัดระวังในการอยู่ร่วมกันในกลุ่มสุนัข ด้วยกันซึ่งรวมถึงการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ด้วย ลูกสุนัขจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากในสั่งต่างๆรอบตัวของมันและแม่สุนัขจะสอนให้ลูกสุนัขเรียนในสั่งต่างๆที่ลูกสุนัขจะต้องรู้และฉลาดที่จะทำในสั่งนั้นๆ แม้แต่การเรียนรู้การอยู่
ร่วมกันกับพี่น้องในครอกด้วยการเล่นต่อสู้กัน การยอมแพ้ การปกป้องตัวเอง และการปรองดองกัน ลูกสุนัขต้องอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยอันตรายจึงต้องรู้ถึง การคำราม การกัด การจู่โจมและการหนี ซํ่งเป็นบททดสอบของลูกสุนัขแต่ละ ตัว การนำลูกสุนัขมาเลี้ยงในระยะนี้จะดีมากเพราะสามารถสร้างความสัมพันธ์ อันดีต่อกันไต้และการสอนคำสั่งง่ายๆในการอยู่ร่วมกันก็สามารถเรึ๋มสอนตั้งแต่ ระยะนี้ได้

เป็นระยะช่วง 3-4 เดือน ลูกสุนัขจะมีการเจริญเติบไตเร็วในสภาพร่างกาย อารมณ์และจิตใจ พฤติกรรม การเล่นก็มีมากขึ้นและจะทำให้ลูกสุนัขรู้ว่าการ!เองกันตัวเองต้องอาศัยความ ฉลาดด้วย ไม่ใช่จะอาศัยกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้น การเรียนรู้ การยอมแพ้ต่อสุนัขอื่นที่มีกำลังมากกว่าและยอมรับจ่าฝูงหรือสุนัขที่นำกลุ่ม (lead dog) ในที่นี้รวมถึงเจ้าของของมันด้วย ถ้าเป็นไปได้ลูกสุนัขจะออกนอก บ้านเพื่อหาประสบการณ์การอยู่ร่วมกับสุนัขอื่นในสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ดังนั้นเมื่อลูกสุนัขมีอายุในช่วงนี้เจ้าของอาจต้องปล่อยให้ลูก สุนัขไปเผชิญหน้ากับสุนัขตัวอื่นที่อาจจะใหญ่กว่าก็ไต้หรืออาจจะเป็นสัตว์ชนิด อื่นๆก็ตาม โดยเจ้าของเพียงแต่เแาระวังอยู่ห่างๆก็พอ ส่วนการแกคำสั่งง่ายๆเช่น “มา” “นั่ง” “คอย” เป็นต้น สามารถเริ่มสอนได้แล้ว แต่ไม่ควรเร่งรัดจนเกินไปเพราะจะทำให้ลูกสุนัขสูญเสียพฤติกรรมการเล่นซํ่งเป็นการเรยนรู้หาประสบ การณ์ชีวิตของมันไปสำฟก กนเ

ในฝูงสุนัขป่าจะปล่อยให้ลูกสุนัขออกล่าเหยื่อตามลำพังเพื่อให้ได้เรียนรู้ ถึงความยากลำบากและอันตรายที่อาจจะตามมา
ในฝูงจะมีการกำหนดภาระหน้าที่ของสมาชิกอย่างชัดเจนตามลำดับชั้นเพื่อร่วมกันล่าเหยื่อให้สำเร็จ โดยสุนัขตัวที่เป็นผู้นำฝูงจะเป็นตัวกำหนดหน้าที่
ดังนั้นเจ้าของจึงจำเป็นอย่าง ยึ๋งที่จะต้องทำตัวเองให้เสมือนว่าเป็นผู้นำกลุ่มให้กับสุนัขของตนเอง
ด้วยการให้เวลาและความอ่อนโอนกับสุนัข แต่เมื่อสุนัขทำผิดหรือทำในสึ๋งที่เจ้าของไม่ ต้องการ เจ้าของก็จะต้องลงโทษทันทีทันใดด้วยการแสดงท่าทีที่ไม่พอใจและ 
พูดด้วยนํ้าเสียงที่ดังและหนักแน่นคล้ายๆกับเสียงคำรามของแม่สุนัข
ทั้งนี้เพื่อให้ลูกสุนัขกลัวและรับรู้ว่าการทำเช่นนั้นเป็นสั่งไม่ดีนั่นเอง

สุนัขส่วนใหญ่จะเจริญพันธุเมื่ออายุ 8-9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสายพันธุและขนาดของสุนัขด้วย สุนัขเพศผู้จะมีพฤติกรรมยกขาหลังข้างใดข้างหนั้งเพื่อขับถ่ายปัสสาวะ ส่วนสุนัขเพศเมียจะเจริญพันธุเร็วกว่าสุนัขเพศผู้ซํ่งสามารถลังเกตุได้จากการเป็นลัด และมีสุนัขเพศผู้มาให้ความสนใจเป็นพิเศษ สุนัขที่อยู่ในช่วงระยะนี้บางตัวอาจ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังคำสั่งและอาจแสดงอาการดุร้ายซํ่งเจ้าของต้องใช้ ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมและข่มพฤติกรรมเหล่านั้นให้ได้ ขณะเดียว กันจะต้องให้ความรักและความห่วงใยอย่างมากด้วย

เมื่อสุนัขถึงวัยสมบูรณ์พันธุ๊ซงสุนัขพันธุเล็กจะถึงวัยสมบูรณ์พันธุ ประมาณหลังจาก 1ปี แต่สุนัขพันธุใหญ่มักจะประมาณถึง 2ปี พบว่าพฤติกรรม ที่ไม่ดีดังกล่าวจะลดลงไปมากอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่ายจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าของไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่ไม่ดีดังกล่าวได้และบางครั้งพบว่า เจ้าของอาจถูกทำร้ายได้เมื่อไปขัดใจสุนัขของตนซํ่งเมื่อเกิดขึ้นครั้งหนี้งแล้ว มักจะมีโอกาสเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ในกรณีนี้สุนัขมักจบลงด้วยการยกให้ คนอื่นนำไปเลี้ยงหรืออาจต้องทำให้สุนัขตายอย่างสงบ

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

พาน้องสุนัขขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกันเถอะ !?

พาน้องสุนัขขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกันเถอะ !?

การนำ สุนัขขึ้นเครื่องบิน อาจเป็นเรื่องซับซ้อนและมีราคาแพงมาก

Home / การฝึกสุนัข

สุนัขขึ้นเครื่องบิน3

การนำ สุนัขขึ้นเครื่องบิน อาจเป็นเรื่องซับซ้อนและมีราคาแพงมาก

ต้องตรวจสอบกับสายการบินเพื่อดูว่ามีสุนัขพันธุ์ใดบ้างที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องไม่ต้องการให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกแย่ อาจเป็นข้อคิดด้งเรื่องที่จะกล่าวดังนี้

เดือนตุลาคม นี่้  มีวันหยุดลองวีคเอ็นหลายวัน เพื่อนบางคนมีแพลนออกต่างจังหวัด บางคนมีแพลนไปต่างประเทศ เรามีแพลนพาเจ้าบีเวอร์ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ 55555 ความสุขใครความสุขมัน.. นี่ก็ใกล้เลิกงานแล้ว เย็นนี้ต้องแวะซื้ออาหารสุนัข และอาหารค่ำของเราที่ห้างฯ ใกล้บ้าน อยากจะดูหนังโรงใหญ่สักรอบ โปรแกรมฉายสัปดาห์นี้น่าดูมาก แต่ค่อยรอลงยูทูปก็แล้วกัน เพราะไอ้เจ้าบีเวอร์คงไม่พอใจที่เรากลับบ้านช้าเลยกำหนดเวลากว่าทุกวัน นี่ถ้าเจ้าบีเวอร์มันรับโทรศัพท์ได้ก็ดีนะ จะโทร.ไปบอกมันว่า จะกลับบ้านช้าหน่อย จะดูหนังสักรอบหนึ่ง 55555

แฟรงค์.. ช่วยเอื้อมมือหยิบแฟ้มสีส้มบนชั้นตู้เอกสารให้หน่อยดิ

เอย..เอย แฟ้มนั้นแหล่ะ

Okay ขอบคุณมากเพื่อน

จะรีบเร่งงานให้เสร็จ..ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว

แฟรงค์.. ลองวีคเอ็นที่จะถึง แก่ไปไหนว่ะ ?

พาไอ้บีเวอร์ไปเดินเล่นสวนสาธารณะใกล้บ้านว่ะ

โห..ไอ้คนรักหมา วันหยุดแทนที่แก่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ก็ต้องอยู่ใกล้ชิดหมา แล้วแบบนี้ แก่จะได้มีโอกาสเจอะเจอใครจีบใครมาเป็นเมียได้ว่ะ 55555

เออ..เป็นแบบฉบับของชั้นว่ะ..พีท

ชั้นอาจจะเจอสาวสวยเดินจูงหมาน่ารักๆมาเดินเล่น แล้วไอ้เจ้าบีเวอร์มันก็วิ่งเข้าไปหาน้องหมาน่ารักตัวนั้น แล้วมันลากชั้นเข้าไป สายจูงหมาพันกัน ฉันก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดได้รู้จักสาวสวยคนนั้นเป็นบุพเพสันนิวาสกันก็ได้ว่ะ 55555

เออ..ขอให้ฝันของแก่เป็นจริง..

แฟรงค์..รู้ไหม เพื่อนๆในออฟฟิศ จะไปเที่ยวพักผ่อนกันที่ คีรีวง ชั้นไปด้วย แก่จะไปด้วยไหมว่ะ ?

ก็อยากไปนะ แต่..

ติดไอ้เจ้าบีเวอร์ ใช่ไหมล่ะ ?

แฟรงค์..แก่รู้ไหม เดี๋ยวนี้ เขาพาน้องหมาขึ้นเครื่องบินติดไปเที่ยวกับเราได้แล้ว และที่พักหลายๆที่ก็อนุญาตให้นำสตว์เลี้ยงเข้าพักได้ด้วย

จริงหรือ ?

จริงสิ เดี๋ยวชั้นจะส่งข้อมูลไปให้แก่ศึกษาดูนะ

เออ..ขอบคุณมากเพื่อน คืนนี้จะไปอ่านศึกษาดูก่อนนะ เผื่อจะได้ไป คีรีวง กับเขาบ้าง

ไปด้วยกันค่ะ.. พี่แฟรงค์ หนูก็ไปกับเขาด้วย จะไปสูดโอโซนที่คีรีวง ที่ที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทยกันค่ะ

จ้า..น้องเดียร์..พี่แฟรงค์ก็อยากไปจ้า ถ้าพาเจ้าบีเวอร์ไปได้ด้วย

ไปได้ชัวร์..แฟรงค์ คืนนี้แก่ไปอ่านไปศึกษาหลักเกณฑ์นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องและเข้าพักรีสอร์ทนะ

เออ..ขอบคุณมากเพื่อน 55555

สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงต้องแข็งแรงสุขภาพดีไม่เจ็บป่วย และไม่ตั้งครรภ์ 

สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงต้องมีอายุมากกว่า 2 เดือนขึ้นไป 

สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 

สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกรงที่เป็นมาตราฐานสากล ขนาด 55 x 37 x 30 ซม. หรือ 22 x 15 x 12 นิ้ว

 

ตัวกรงจะต้องกว้างมากพอให้สัตว์เลี้ยง ยืน นอน หรือพลิกตัวได้

ประตูกรงจะต้องแข็งแรงและแน่นหนาเพื่อกันสัตว์เลี้ยงเปิดออกเองได้

กรงต้องแข็งแรงในการป้องกันสัตว์เลี้ยงของท่านระหว่างเครื่องขึ้นและลงจอด โดยจะต้องมีด้าน 3 ด้านเป็นอย่างต่ำ 

ข้างๆกรงสัตว์เลี้ยงจะต้องติดคำอธิบายในการให้อาหารสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจน

ติดชื่อเบอร์โทรเจ้าของที่กรงและควรติดคำว่า “Pet in cage”  กับลูกศรชี้ที่กรงในทิศทางที่ถูกต้อง

จำนวนสัตว์เลี้ยง 1 กรงต่อ 1 ตัวเท่านั้น

ศึกษาเที่ยวบินที่เราจะไปว่าในแต่ละสายการบินมีวิธีการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องอย่างไรบ้าง บางสายการบินก็สามารถพาน้องนั่งไปข้างๆได้แต่ต้องอยู่ในกระเป๋าตลอด บางสายการบินก็ไม่อนุญาตเพราะแบบนี้เราจึงต้องศึกษาระเบียบการและข้อปฏิบัติของสายการบินให้ดีก่อน

เมื่อเราได้สายการบินที่จะทำการเดินทางแล้วอย่าลืมจองพื้นที่ในการเดินทางสำหรับน้องๆให้เรียบร้อย ซึ่งข้อนี้ต้องเป็นไปตามกฏของแต่ละสายการบิน

  • พาสัตว์เลี้ยง ไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ก่อนที่จะบินให้เรียบร้อยว่าสุขภาพของน้องๆนั้นเเข็งแรงไม่มีโรค ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือว่าบาดเจ็บในส่วนใด
  • เข้ารับคำปรึกษาจากสัตวแพทย์อย่างละเอียดเพื่อนำไปใช้ในการดูแลสัตว์เลี้ยงของเราเมื่ออยู่บนเครื่องบิน หรือ ขอรับคำปรึกษาว่าสายพันธุ์น้องๆที่เราเลี้ยงนั้นเหมาะกับการขึ้นเครื่องบินไหม เช่น สุนัขหรือแมวพันธุ์หน้าสั้นจมูกสั้น ก็ไม่เหมาะกับการขึ้นเครื่องบิน เพราะ จะมีปัญหาด้านการหายใจระหว่างเดินทางบนเครื่องเนื่องจากมีความกดอากาศสูง
  • พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าก่อนเดินทาง 1 สัปดาห์
  • เตรียมสมุดวัคซีนและข้อมูลส่วนตัวของสัตว์เลี้ยงให้เรียบร้อย
  • เตรียมกรงสำหรับใช้ในการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งกรงต้องได้ตามมาตราฐานสากล

1. pet in cabin  คือการที่เราสามารถพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไปและนั่งในห้องโดยสารไปพร้อมกับเราได้ ซึ่งต้องมี

1..มีน้ำหนักรวมกรงไม่เกิน 10 กิโลกรัม

2..มีแค่บางสายการบินที่สามารถทำได้

2. Checkin Baggage (AVIH)  คือการส่งสัตว์เลี้ยงแบบสัมภาระโหลดไว้ที่ห้องบรรทุกสัมภาระพิเศษใต้ท้องเครื่องบินที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงและมีระบบรักษาความปลอดภัยพิเศษ

1.สำหรับสัตว์ที่มีน้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม

2.ต้องนำสัตว์เลี้ยงไป Check-in ที่ Passenger Terminals

3. Unaccompanied Live Pets (ULP)  คือการส่งสัตว์เลี้ยงแบบโหลดเป็นบรรจุภัณฑ์ วิธีนี้จะเหมาะกับสัตว์เลี้ยงที่มีผู้รับอยู่ที่ปลายทาง เช่น เป็นการซื้อขายสัตว์เลี้ยงระหว่างประเทศ  หรือ ขนส่งสัตว์เลี้ยงไปให้ผู้รับที่ปลายทาง 

1.แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้าเนื่องจากมีพื้นที่จำกัดสำหรับสิ่งมีชีวิต

2.ต้องพาน้องไปส่งที่คลังสินค้าของสนามบิน

3.สำหรับขนส่งน้องหมาขึ้นเครื่องโดยที่เราไม่ได้ไปด้วย ส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อขายสัตว์เลี้ยง

 

 

 

เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับวิธีการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินตอบโจทย์ชีวิตทาสหมาทาสแมวยุคใหม่แบบเรามากๆเลยใช่ไหม อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะพาน้องๆเดินทาง คุณเจ้าของต้องทำการติดต่อสายการบินที่จะพาน้องเดินทางไปด้วยเพื่อสอบถามรายละเอียดและอัพเดทวิธีการน้องๆขึ้นเครื่องของแต่ละสายการบินนั้นเพื่อให้เป็นไปตามกฏระเบียบและเพื่อความปลอดภัยระหว่างที่น้องๆเดินทาง 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

สุนัขป่วย กับการปฐมพยาบาลและการดูแล

หมาป่วย

สุนัขป่วย กับการปฐมพยาบาลและการดูแล

การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่สุนัขป่วย เพื่อลดการบาดเจ็บและความรุนแรงของอาการ

Home / การฝึกสุนัข

หมาป่วย

การปฐมพยาบาลสุนัขป่วย

เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่สุนัข เพื่อลดการบาดเจ็บ และความรุนแรงของอาการ รวมถึงอาจช่วยชีวิตสุนัขได้ในกรณีฉุกเฉินก่อน หรือในระหว่างที่กำลังนำ สุนัขป่วย ส่งสัตวแพทย์ อย่างไรก็ตามการเสียเวลากับการปฐมพยาบาลมากเกินความจำเป็นก็อาจเป็นผลเสียได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ ต้องทำต่อไปโดยเร็วคือการส่งให้ถึงสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด

ถึงแม้ว่าสุนัขมีคุณสมบัติในการฟื้นตัวจาก การเจ็บป่วยได้มากเมื่อเทียบกับมนุษย์ แต่เจ้าของ สุนัขก็ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมให้การเจ็บป่วยหายได้ รวดเร็วขึ้น โดยการเอาใจใส่ดูแลที่ดีของเจ้าของ จัด ให้สุนัขป่วยอยู่ในสภาวะที่สะดวก สบาย และ เหมาะสม

สิ่งสำคัญที่สุด 3 อย่างที่ต้องคำนึงถึง ก็คือ

  1. การได้พักผ่อนและความสะดวกสบาย
  2. การได้รับอาหารและนํ้าอย่างพอเพียง
  3. ได้รับยาครบตามที่สัตวแพทย์สั่ง

โดยให้สุนัขป่วยได้พักในสถานที่ที่อบอุ่น และเงียบสงบ ไม่ร้อนหรือ เย็นเกินไป มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับชื้น ปล่อยให้สุนัขได้ออกจากบ้านได้ บ่อยกว่าปกติเพื่อถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้น การเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร แต่ต้องระวังไม่ให้ออกกำลังกายหนักๆ หรือ เล่นเกมที่ตื่นเต้นมากเกินไป

ลมโกรกและอากาศเย็นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ พื้นบ้านบริเวณที่สุนัขนอน ควรมีสิ่งรองนอนเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น

การให้อาหารควรให้คราวละน้อยๆ แต่บ่อยๆ อาหารควรเป็นชนิดที่ ย่อยง่าย มีรสชาดและกลิ่นหอมน่ากินเพื่อช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร แต่ใน บางกรณี เช่น มีอาการท้องเสีย อาเจียน อาจจำเป็นต้องงดอาหาร หรือในบางครั้งถ้าจำเป็นจริงๆสุนัขไม่ยอมกินอะไรเลยอาจจะต้องป้อน (Force feeding) โดยการเลือกอาหารที่เป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนเข้าปากในวิธีการเดียวกับการป้อนยาเม็ด หรืออาจให้อาหารเหลวในวิธีการเดียวกับการป้อนยานํ้า แต่ต้อง ระมัดระวังค่อนข้างมาก และต้องแน่ใจว่าสุนัขกลืนอาหารได้ไม่อย่างนั้นแล้ว อาหารเหลวอาจจะถูกสำลักเข้าไปในปอดได้

ในกรณีที่สุนัขไม่ยอมกินอาหารและน้ำเลย อาจใช้กลูโคสละลายน้ำ หรือใช้นมป้อน (ยกเว้นในรายท้องเสียห้ามป้อนนมเด็ดขาด) โดยประมาณว่า สุนัขควรได้รับน้ำอย่างน้อย 50 มิลลิลิตรต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งควรจะแบ่งให้ครั้งละน้อยๆ เช่น 4 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้ควรหยดวิตามินรวม สำหรับเด็ก (multi-vitamin for children) 5-10 หยดลงในสั่งที่ป้อนด้วย ถ้าจะให้ดีกว่านี้ควรปรึกษาลัตวแพทย์เพื่อจะได้วางแผนในการเลือกชนิดอาหารให้ เหมาะสมกับโรคและการรักษาควรคู่ไปด้วย

  1. ประเมินอาการ
  2. ช่วยผายปอดในกรณีสุนัขหยุดหายใจ
  3. ช่วยนวดหัวใจ ในกรณีหัวใจหยุดเต้น
  4. ห้ามเลือด
  5. หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนส่วนที่หักหรือบาดแผล

ควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้เพื่อประเมินอาการของสุนัข ก่อนลงมือให้ความ ช่วยเหลือ

  1. ถ้าสุนัขยังมีสติ ควรจะสังเกตถึงบาดแผลว่าต้องมีการห้ามเลือด

หรือไม่

  1. ถ้าสุนัขหมดสติ ควรรบดูสิ่งต่อไปนี้ก่อน
    • การหายใจ โดยสังเกตการเคลื่อนไหวของหน้าอก
    • การเต้นของหัวใจ สามารถทำได้2 อย่างคือ
  2. ใช้ฝ่ามือแตะลงไปบริเวณหน้าอกในตำแหน่งของหัวใจ (ตรงกับปุมของข้อศอก)
  3. ใช้การคลำจับชีพจรที่บริเวณโคนขาหลังด้านใน
    • ตรวจดูการตอบสนอง
  4. การตอบสนองของตา
  • หนังตา โดยใช้นิ้วแตะที่หัวตาเบาๆ ดูว่าสุนัขกระพริบตาหรือไม่
  • ม่านตา โดยใช้ไฟฉายส่อง เมื่อโดนแสง ช่องม่านตา ควรจะหดเล็กลง
  1. การตอบสนองของปลายเท้า โดยการหยิกบริเวณอุ้งเท้า (ผิวหนังระหว่างง่ามนิ้วเท้า) สังเกตลูว่าสุนัขชักเท้าหนี หรือไม่

ในกรณีอุบัติเหตุหรือได้รับสารพิษ อาจทำให้เกิดภาวะการหายใจและ การทำงานของหัวใจล้มเหลว ซึ่งจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยการทำให้หัวใจเต้นใหม่ และสุนัขหายใจได้ด้วยตัวเองโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น โอกาสรอดจะน้อยมาก เนื่องจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง และเกิดการเสียหาย ของเนื้อเยื่อสมอง

ขั้นตอนในการปฏิบัติมี 3 ขั้นตอน

  1. เปิดทางเดินหายใจ (Airway) เป็นการช่วยทำให้สุนัขหายใจได้ สะดวกขึ้น โดยการจับสุนัขนอนตะแคงและจัดคอให้ยืดตรง เปิด ปาก ดึงลิ้นออกจากปาก เพื่อป้องกันไม่ให้ม้วนลงไปอุดหลอดลม แล้วล้วงเอาสิ่งแปลกปลอม (เช่นนํ้าลาย เสมหะ หรือเลือด) ออกจากช่องปากและคอหอย
  2. ช่วยหายใจ (Breathing) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนอากาศภายนอก กับภายในปอด และกระตุ้นให้สุนัขหายใจเอง โดยใช้มือรวบรอบจมูกและปาก เป่าลมเข้าไปในช่องจมูกนาน 3 วินาที (สังเกตว่าช่องอกควรขยายขึ้น) หยุดพัก 2 วินาที (ในกรณีที่หัวใจยังเต้นอยู่) และทำซํ้า
  3. นวดหัวใจ (Cardiac) เพื่อกระตุ้นให้หัวใจเต้นใหม่ โดยการวางมือบนอกสุนัขหลังข้อศอก (ตำแหน่งของหัวใจ) แล้ววางมืออีกข้างทับ แล้วกดมือทั้งสองลงโดยเอนตัวไปข้างหน้า ทำติดต่อกัน 6 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 วินาที (ในกรณีสุนัขเล็กไม่สามารถวางมือบนอกได้ ให้ใข้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วที่เหลือวางบนอกคนละข้างแล้วบีบเป็นจังหวะ) เมื่อนวดหัวใจจนครบ 6 ครั้งแล้ว ให้ผายปอดโดยวิธี ปากต่อจมูก 1 ครั้ง ทำเช่นนี้สลับกันไปจนกว่าหัวใจจะเต้นแล้วจึง ผายปอดอย่างเดียวจนกว่าสุนัขจะหายใจได้เอง
  4. จะเห็นได้ว่าการช่วยชีวิตนั้นก็คือการที่เราช่วยทำงานแทนสุนัขเพื่อให้ มีออกซิเจน และเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ในขณะที่สุนัขไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง เราต้องทำต่อเนื่องไปจนกระทั่งหัวใจสามารถเต้นได้เอง และสุนัขหายใจได้เอง

ในกรณีการนวดหัวใจดำเนินไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 นาที แต่หัวใจยัง ไม่เต้นเอง เราอาจจะตัดสินใจหยุดทำการช่วยชีวิตไต้ ส่วนในกรณีที่หัวใจเต้น อยู่แต่ยังไม่หายใจ เราควรจะช่วยผายปอดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงมือลัตวแพทย์

 

กรณีนี้เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากเนื่องจากสุนัขสามารถว่ายนํ้าได้โดย สัญชาตญาณ แต่ในบางครั้งอาจพบในรายที่ป่วยไม่มีแรงแล้วพลัดตกนํ้า หรือใน รายที่ว่ายออกไปจากฝังไกลๆแล้วหมดแรงว่ายกลับเข้ามา

การช่วยเหลือ

  1. เอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากและ คอหอยให้หมด
  2. เอาหัวห้อยลงเพื่อให้นํ้าไหลออกจาก ปอด ในสุนัขเล็กอาจจับขาหลังสอง ข้างยกชูขึ้น และเหวี่ยงเบาๆ ส่วน สุนัขขนาดใหญ่ให้วางหัวสุนัขต่ำกว่าลำตัว ยกขาหลังขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นเวลานานอย่างน้อย 30 วินาที
  3. ทำการผายปอดจนกว่าสุนัขจะหายใจ ได้เอง และนำส่งลัตวแพทย์
  1. นำสุนัขออกไปสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ และการถ่ายเทอากาศดี
  2. ถ้าสุนัขหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น ต้องทำการช่วยชีวิต
  3. นำสุนัขส่งลัตวแพทย์อย่างเร่งด่วน

 

ถ้าสุนัขไม่สามารถลุกเดินเองได้ให้ใช้ผ้าห่มหรือแผ่นกระดานค่อยๆ สอดเข้าด้านล่างของตัวสุนัขทำเป็นเปลสำหรับหาม ถ้าสุนัขเดินเองได้ก็ช่วยประคองส่วนอก และบั้นท้ายให้สุนัขเดินไปอยู่ ในที่ปลอดภัย หรืออาจใช้’วิธีอุ้มโดยช้อนส่วนอกและบั้นท้าย ควรหันด้านที่มี แผล บาดเจ็บ หรือขาข้างที่หักออกจากตัวผู้อุ้ม

ข้อควรคำนึง สุนัขที่ประสบอุป้ติเหตุอาจได้รับความกระทบกระเทือน ภายในทำให้มีการตกเลือดภายใน โดยที่ไม่มีแผลที่สังเกตได้จากภายนอก

บาดแผลที่มีเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาแสดงถึงเส้นเลือดแดงฉีกขาด ต้องรีบทำการห้ามเลือดเพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดปริมาณมาก ส่วนเลือดสีแดงคลํ้าค่อยๆ ซึมเยิ้มออกมาแสดงถึงการฉีกขาดของเส้นเลือดดำ ซึ่งมักจะง่ายต่อการห้ามเลือดมากกว่า อย่างไรก็ตามในกรณีที่พบว่ามีเลือดออกต้องนำส่งสัตวแพทย์โดยด่วนไม่ว่าจะทำการห้ามเลือดแล้วหรือไม่ก็ตาม

การห้ามเลือดสามารถทำได้โดยการใช้มือกำรอบเหนือบริเวณแผลซึ่งเป็นการห้ามเลือดชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน หรือการใช้แรงกดที่บริเวณแผล 3-5 นาที อาจใช้นี้วมือกดได้ในกรณีที่แผลไม่ใหญ่มากและสุนัขไม่แว้งกัด ถ้าจะให้ ดีควรใช้การพันผ้ากดแผล (Pressure bandage) ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ผ้าก๊อซ (gauze) ผ้ห้เาย ผ้าเช็ดหน้า พับให้เป็นแผ่นวางปีดไว้ที่แผล ก่อนวางผ้าปิดที่แผลควรทาแผลด้วยครีมทาแผลสดเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าปิดแผลแห้งติดกับ บาดแผลในภายหลัง จากนั้นใช้ผ้าพันทับไวให้กระชับไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป ในกรณีที่เลือดออกจนชุ่มผ้าผืนแรก ให้ใช้ผ้าอีกผืนวางทับไปอีกชั้นหนั้ง โดยไม่ต้องเอาผ้าผืนแรกออก เพื่อจะได้ไม่ไปรบกวนขบวนการแข็งตัว ของเลือด หลังจากพันแผลเสร็จแล้วต้องคอยสังเกตว่าอวัยวะส่วนปลายที่อยู่ต่ำกว่าจุดที่พันแผลลงไปมีอาการบวมหรือไม่ ถ้าบวมแสดงถึงการพันแน่นเกินไป จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ ควรคลายผ้าพันแผลออกเล็กน้อย ถ้ายังไม่หายบวมต้องถอดผ้าพันแผลออก

นอกจากการพันแผลแล้ว การห้ามเลือดอีกวิธีหนึ่งที่อาจใช้ได้ก็คือการ ขันชะเนาะ (Tourniquets) ซึ่งมักจะใช้ในกรณีมีเลือดออกมากบริเวณปลายขา โดยขันชะเนาะที่เหนือบาดแผล การขันชะเนาะจะต้องมีการคลายทุกๆ 10 นาที เพื่อเปิดโอกาสให้เลือดได้ไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนปลายขาได้ ถึงแม้จะมีการคลาย บ่อยๆ แต่บางครั้งก็ยังมีโอกาสจะเกิดการเสียหายของเนื้อเยื่อเนื่องจากการขาดเลือด ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องรีบนำไปพบลัตวแพทย์โดยด่วน ในสุนัขส่วนใหญ่มักจะไม่ยินยอมให้ขันชะเนาะ ดังนั้นการใช้ผ้าพันกดทับแผลจึงเป็นวิธีที่นิยมใช้มากกว่า

 

ให้สังเกตว่าเป็นเลือดออกจากบาดแผลหรือเป็นเลือดกำเดา ถ้าเป็นเลือดจากบาดแผลก็อาจใช้นิ้วหัวแม่มือกดห้ามเลือด ถ้าเป็นเลือดกำเดาให้ใช้ผ้า ชุบนํ้าเย็นหรือผ้าห่อก้อนนํ้าแข็งวางโปะบนสันจมูก ถ้าสุนัขไม่ยินยอมหรือ แสดงอาการหงุดหงิดควรจะหยุดกระทำการห้ามเลือดไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้ สถานการณ์แย่ลงไปอีก ควรนำสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทันทีเนื่องจากเลือดกำเดา ไหลอาจมีสาเหตุได้ตั้งแต่เส้นเลือดแดงในโพรงจมูกแตก มีสิ่งแปลกปลอมใน โพรงจมูก หรือรุนแรงจนถึงเป็นเนื้องอก และการได้รับสารพิษกลุ่มที่ทำลาย เม็ดเลือด เช่น warfarin poisoning

เป็นกลไกการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกาย ทำให้เกิดภาวะที่ ปริมาณเลือดไม่มีเพียงพอกับการไหลเวียนไปตามเนื้อเยื่อต่างๆ  (โดยเฉพาะที่บริเวณอวัยวะส่วนปลาย) ชั่วขณะ เกิดการส้มเหลวในการควบคุมความดันและ การไหลเวียนเลือด และสุดท้ายหัวใจก็จะหยุดเต้น

สาเหตุของ Shock

  1. การได้รับบาดเจ็บรุนแรง (ตกจากที่สูง, รถชน, ถูกเตะ ฯลฯ)
  2. เสียเลือดมาก
  3. ท้องเสียรุนแรง
  4. อาเจียนรุนแรง
  5. ถลอก, ฟกชํ้าอย่างรุนแรง
  6. เลือดเป็นพิษ (จากการติดเชื้อ หรือสารพิษต่างๆ)
  7. ท้องอืด (bloat) เนื่องจากกระเพาะอาหารบิดตัว
  8. โรคหัวใจระยะท้ายๆ

อาการ

เหงือกซีด เย็น, หายใจเร็วแผ่ว, ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา, สุนัขอาจนอน แน่นิ่ง หมดสติ อุณหภูมิร่างกายลด ตา ปลายเท้าและใบหูเย็น ลิ้นเหี่ยวแห้งย่น

การช่วยเหลือ

  • ควรปลอบให้สุนัขสงบ และห่มผ้าให้อบอุ่น
  • ห้ามให้นํ้าหรืออาหารเด็ดขาด
  • นำส่งสัตวแพทย์อย่างรีบด่วน

เนื่องจากผิวหนังสุนัขมีขนปกคลุมทำให้เราสังเกตความเสียหายของ เนื้อเยื่อเนื่องจากไฟไหม้ นํ้าร้อนลวกได้ไม่เด่นชัด ถ้าไม่คลี่ขนหรือตัดขนออก แผลไฟไหม้นํ้าร้อนลวกที่กินบริเวณกว้างบนร่างกายอาจเป็นสาเหตุให้เกิด อาการอื่นๆ ตามมา เช่น shock ขาดนํ้า (dehydration) หรือมีการติดเชื้ออย่าง รุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นแผลที่สร้างความเจ็บปวดรุนแรงให้กับสุนัขมาก การสัมผัสบริเวณแผลจึงต้องกระทำอย่างระมัดระวัง

การรักษา

หลักในการรักษาคือลดความเสียหายของเนื้อเยื่อโดยการใช้ความเย็น ทันที เป็นเวลาประมาณ 5-15 นาที ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • ราดบริเวณนั้นด้วยนํ้าเย็นหรือจับสุนับจุ่มลงในนํ้าเย็นทันที
  • เปิดนั้าก๊อกให้ไหลผ่านบริเวณนั้นเบาๆ
  • ให้ผ้าชุดนํ้าเย็นประคบ แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดการถูหรือขูดบริเวณแผล

ข้อพึงระวัง

  • ห้ามถูบริเวณแผลเพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหายมากขึ้น
  • ห้ามทาครีม หรือเจลทาแผล เพราะจะทำให้ความร้อนคั่งค้างอยู่ ซึ่ง เป็นการเพิ่มความเสียหายของเนื้อเยื่อ ยิ่งไปกว่านั้นสุนัขจะเสียสิ่งที่ เราทาแผล จะทำให้แผลลุกลามยิ่งขึ้น
  • ห้ามดึงหนังหรืออะไรก็ตามที่ติดแผลอยู่ออก เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อ ฉีกขาด อาจทำให้สูญเสียน้ำและ shock ได้



สุนัขเป็นสัตว์ที่มีขนปกคลุมทั่วร่างกาย และไม่มีต่อมเหงื่อเหมือนมนุษย์ ดังนั้นการระบายความร้อนออกจากร่างกายจะอาศัยการหอบ (Panting) เป็นหลัก แต่ในขณะที่อากาศร้อนอบอ้าวมากๆ และบริเวณที่สุนัขอยู่มีการระบายอากาศไม่ดี จะมีผลทำให้สุนัขระบายความร้อนออกจากร่างกายไม่ทันส่งผลให้มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติมาก โดยเฉพาะในรายที่ถูกกักขัง และไม่ได้กินนํ้า หรือในสุนัขพันธุหน้าสั้นที่มีข้อจำกัดในเรื่องการระบายความร้อน ออกทางการหายใจ เนื่องจากโพรงจมูกเล็กแคบ

อาการเริ่มต้นที่จะพบเห็นได้คือ การหอบ และจะเพิ่มอัตราเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุนัขจะซึม มีนํ้าลายไหลออกมามาก หัวใจ (ชีพจร) เต้นเร็ว เหงือกเป็นสี แดงสด ปลายเท้า หัว หูจะร้อน บางรายถ่ายเหลวเป็นนํ้ามีเลือดปน อาจรุนแรง ถึงหมดสติและตายได้

การรักษา

  1. เคลื่อนย้ายสุนัขไปยังที่ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวกและเย็นกว่า เช็ดนํ้าลายออกจากปากเพื่อหายใจสะดวก
  2. จุ่มตัวสุนัขลงในนํ้าเย็น (ธรรมดา) หรือเปิดให้นํ้าก๊อกไหลผ่านตัว และหัว (อย่าให้เข้าจมูก) หรือใช้ผ้าชุบนํ้าเย็นเช็ดตัว และให้สุนัข ดื่มนํ้าเองได้ตามต้องการ
  3. นำส่งสัตวแพทย์

สุนัขกัดกันมักจะพบบาดแผลบริเวณคอ หน้าอก ใบหน้า หู รูเขี้ยวที่ ทะลุผิวหนังจากภายนอกอาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ความจริงแล้วเนื้อเยื่อและ กล้ามเนื้อบริเวณใต้ผิวหนังตรงนั้นอาจบอบชํ้ามาก และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ รุนแรงตามมา ถ้าแผลกว้างและลึกควรนำไปพบสัตวแพทย์ การปฐมพยาบาลทำได้โดย

  1. ทำการห้ามเลือดในกรณีที่มีเลือดออกมาก
  2. ตัดขนบริเวณรอบปากแผลออก
  3. ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด และน้ำยาฆ่าเชื้อ
  4. ทาครีมหรือขี้ผึ้งสำหรับแผลสด ปิดปากแผล

แมลงต่อย ผึ้งและตัวต่อ

ทำให้เกิดการบวมและเจ็บปวด มักจะพบบริเวณอุ้งเท้า ปาก และหน้า โดยเฉพาะถ้าถูกต่อยภายในปากและทำให้เกิดการบวมของคอหอยจะทำให้ หายใจไม่ออก สุนัขบางตัวมีอาการแพ้พิษของผึ้งและตัวต่อค่อนข้างรุนแรง มี การบวมตามใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย อาเจียน ท้องร่วง หน้าบวม คอบวม หายใจไม่ ออก ตาย ดังนั้นต้องรีบนำส่งสัตวแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะในรายที่ถูกต่อย ภายในช่องปากและลำคอ

 การดูแลเบื้องต้น

  1. ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามดึงเหล็กในออก
  2. ใช้นํ้าแข็งประคบบริเวณที่บวมจะช่วยลดอาการได้
  3. นำส่งสัตวแพทย์

คางคกและตัวบุ้ง

คางคกจะหลั่งสารพิษออกจากต่อมที่อยู่ตามผิวหนัง ซึ่งสารพวกนี้จะ ก่อให้เกิดความระคายเคืองไปจนถึงภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ส่วนตัวบุ้งชนิดมีขน ยาวก็จะมีสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองอยู่ตามผิว สำตัว และขน สุนัขมักจะได้รับพิษโดยการสัมผัสโดยเฉพาะบริเวณปาก ลิ้น

อาการ พิษคางคก – นํ้าลายไหลยืด ม่านตาขยายกว้าง ถ้าได้รับพิษมาก และ ทึ้งไว้ นานอาจชักหมดสติและตายได้ พิษตัวบุ้ง – ทำให้เกิดการระคายเคือง นํ้าลายไหล มีตุ่มบวม

การดูแลเบื้องต้น

  1. ใช้นํ้าสะอาดฉีดล้างบริเวณปากสุนัขทันที แต่ระวังอย่าให้สุนัขสำลัก หรือกลืนนํ้าเข้าไป (ใช้กระบอกฉีดพ่นสเปรย์จะปลอดภัย กว่าใช้สายยาง)
  1. นำส่งสัตวแพทย์ทันที

งูกัด

อาการที่สังเกตได้และสงสัยว่าสุนัขอาจจะโดนงูพิษกัด ได้แก่ ตัวสั่น ตื่นเต้น อาเจียน นํ้าลายไหลมาก ม่านตาขยาย หรือล้มฟุบลงทันทีทันใด ควร สำรวจตามร่างกายสุนัขว่ามีรอยเขี้ยว 2 รอยหรือไม่ ถ้าพบต้องรบนำส่งสัตวแพทย์ทันที

ข้อควรปฏิบัติ

  1. ปลอบสุนัขให้หายตื่นกลัว
  2. ล้างแผลและบริเวณรอยกัดด้วยนํ้าสะอาดมากๆ เพื่อล้างเอาพิษที่ติด อยู่กับผิวออก
  3. ห้ามกรีดแผลให้กว้าง หรือพยายามดูดพิษออก เพราะจะทำให้มี เลือดไหลเวียนมาที่แผลมากขึ้นเป็นการเร่งการกระจายพิษ
  4. ใช้นํ้าแข็งประคบ เพื่อลดการไหลเวียนของเลือด
  5. ถ้าถูกกัดบริเวณขา ควรใช้ผ้าพันรอบบริเวณนั้นให้แน่น (รูปที่ 112) เพื่อชะลอการกระจายของพิษ (การขันชะเนาะใช้ไม่ได้ผล)
  6. นำส่งสัตวแพทย์ทันทีเพื่อฉีดเซรุ่มแก้พิษงู

แมงกระพรุนและหอยเม่น อาการ

สุนัขมักจะแสดงอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงภายหลังจากการเล่นนํ้าทะเล

การดูแลเบื้องต้น

  1. หาเหล็กในและดึงออก
  2. ให้ยาแก้ปวด (aspirin) 1 เม็ดต่อนํ้าหนักตัว 30 กิโลกรัม
  3. ใช้แอมโมเนียเจือจาง 1 ส่วนต่อนํ้า 10 ส่วน ราดบริเวณที่ปวด
  4. ทำให้ร่างกายสุนัขอบอุ่น และนำส่งสัตวแพทย์

สารพิษ

สารพิษสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยการกิน การหายใจ และซึมผ่าน ผิวหนัง แต่ที่พบบ่อยๆ มักเกิดจากการกิน สุนัขที่ได้รับสารพิษอาจมีอาการ นํ้าลายฟูมปาก อาเจียน ท้องเสีย เดินโซเซ กล้ามเนื้อกระตุก ล้มฟุบ ชัก และ หมดสติ

ข้อควรปฏิบติ

  1. เมื่อพบเห็นสุนัขกำลังกินสารพิษอยู่ ให้ควบคุมสุนัขไว้ นำสุนัข พร้อมภาชนะบรรจุสารนั้นส่งสัตวแพทย์ทันที
  2. ในกรณีที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าสุนัขกินสารพิษหรือเปล่า แต่แสดงอาการน่าสงสัยว่าจะเกิดจากสารพิษ ให้นำส่งสัตวแพทย์ทันที
  1. การทำให้อาเจียนทันที (ภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ) เป็นการลดปริมาณของสารพิษที่จะทำให้ร่างกายดูดซึมเข้าไป แต่มีข้อจำกัด ว่าสารที่กินเข้าไปนั้นต้องไม,ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อทางเดินอาหารไม่เช่นนั้นแล้วยิ่งจะเป็นการไปเพมความรุนแรงของพิษ ทางที่ดีที่สุดถ้าเราไม่รู้ว่าสารชนิดนั้นเป็นอะไรก็ไม่ควรทำให้สุนัขอาเจียน ควรนำส่งสัตวแพทย์ทันที

 

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

สารอาหารและการให้อาหารสุนัข

อาหารสุนัข

สารอาหารและการให้อาหารสุนัข

อาหารเป็นอีกปัจจัยหนี่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสุนัข

Home / การฝึกสุนัข

อาหารหมา

อาหารเป็นอีกปัจจัยหนี่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสุนัข

ในทางชีววิทยาสุนัขจัดอยู่ในจำพวกสัตว์กินเนื้อเป็นอาหารเช่นเดียวกับแมว แต่โดยธรรมชาติเมื่อเปรียบเทียบในขบวนการเมตาโบลิซึ่ม ความต้องการโภชนาการ และรูปแบบของอาหารแล้ว สุนัขควรจะจัดอยู่ในสัตว์ ประเภทที่กินทั้งเนื้อและพืชเป็นอาหารมากกว่า ขณะที่แมวเป็น สัตว์ที่กินเนื้อเพียงอย่างเดียว บรรพบุรุษของสุนัข คือ สุนัขป่า ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการล่าเหยื่อ ถึงแม้อาหารหลักของสุนัขป่าคือ เนื้อสัตว์ แต่สุนัขก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว สุนัขป่าจะกินเหยื่อที่ได้จนหมดทั้งตัว นั่นคือสุนัขยังได้พวกพืช หรือเยื่อใยที่อยู่ในกระเพาะ และสำไส้ของเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นสัตว์กินพืช และยังได้รับแร่ธาตุ เช่น Calcium, Phosphorus จากกระดูกของเหยื่อ ดังนั้นสุนัขจึงได้รับสารอาหารครบทุกชนิด นอกจากนี้ในฤดูกาลที่ขาดแคลนเหยื่อ สุนัขก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ไต้ด้วยพืชผักและผลไม้ ดังนั้น อาหารสุนัขที่มีคุณภาพดีควรมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายชนิด ในสัดส่วนที่พอเหมาะและสอดคล้องกับความต้องการของร่างกายคล้ายกับมนุษย์

ส่วนประกอบของสารอาหารในร่างกายของสุนัข ประกอบด้วย

นํ้า เป็นสารอาหารที่สำคัญมากชนิดหนี่งต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกาย สัตว์ประกอบด้วยนํ้า ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การที่ร่างกายขาดนํ้า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และเฉียบพลันต่อระบบสรีรวิทยาของสัตว์มากกว่าการขาดสารอาหารชนิดอื่น เช่น สัตว์สูญเสียไขมัน หรือ โปรตีน มากกว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายสัตว์ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ แต่สัตว์ที่สูญเสียนํ้าเพียง 10% ของนํ้าในร่างกายสามารถสูญเสียชีวิตได้ทันที หน้าที่ของนํ้าในร่างกายที่สำคัญ คือ  เป็นตัวทำละลายที่ช่วยในขบวนการทางเคมีต่าง ๆ รวมทั้งการขนส่งสารอาหาร การขจัดของเสีย และการระบายความร้อนออกจากร่างกาย สุนัขต้อง มีนํ้าสะอาดตั้งไวให้กินตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เลี้ยงสุนัขด้วยอาหารแห้ง และควรเปลี่ยนนํ้าทุกวัน



โปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ผม และเล็บ ฯลฯ นอกจากนี้ เอนไซม์และฮอร์โมนส่วนมากก็มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ หน่วยย่อยของโปรตีนเรียกว่า กรดอะมิโน ซึ่งได้มาจากทั้งอาหารที่สัตว์กินเข้า ไป และร่างกายสังเคราะห์เอง กรดอะมิโนที่สัตว์ต้องการมีประมาณ 22 ชนิด ในอาหารสัตว์ควรมีกรดอะมิโนดังกล่าวครบถ้วนและมี ปริมาณมากพอ เพื่อให้ขบวนการสร้างโปรตีนดำเนินไปอย่างปกติและสอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย กรดอะมิโนบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ จำเป็ยต้องได้รับจากอาหารที่สัตว์กินเข้าไป

วัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งโปรตีนหรือกรดอะมิโน ได้มาจาก 2 แหล่งคือ จากพืชและจากสัตว์ โปรตีนจากสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหารสุนัข ได้แก่ เนื้อ จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย เช่น โค สุกร ม้า สัตว์ปีก ปลา ส่วนวัตถุที่ มีคำว่า By – products อยู่ด้วยจะหมายถึง เนื้อ ผสมกับเครื่องใน ขน หัว และ เท้า ผสมอยู่ด้วย

ปัจจุบันได้มีการนำเอาเนื้อแกะ และ กระต่าย เข้ามาเป็นแหล่งอาหาร โปรตีน เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และใช้ในกรณีสุนัขแพ้ต่อโปรตีนจากไก่ และเนื้ออื่นๆ นอกจากนี้ยังมีไข่ ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่ควรทำให้สุกก่อนให้สุนัขกิน เพราะไข่ขาวจะย่อยได้ดีกว่า นอกจากนี้ในไข่ขาวดิบยังมีสาร Avidinซึ่งจะขัดขวางขบวนการเมตาโบลิซึมของวิตามินบีและไบโอทิน (biotin)

เนยแข็ง เป็นแหล่งโปรตีน และแคลเซียมที่ดี แต่ทำให้เกิด ท้องเสียได้ถ้าให้สุนัขกินเป็นจำนวนมาก

นม เป็นอาหารที่มีคุณภาพสูง เพราะมีสารอาหารหลายอย่าง แต่สุนัขบางตัวอาจย่อยลำบาก

โปรตีนจากพืชที่นิยม ได้แก่ แป้งข้าวโพด แป้งถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง อัลฟัลฟาป่น และวีทเจิว์ม โดยทั่วไปโปรตีนจากพืชจะมีสมดุลและการ ใช้ประโยชน์ได้ของกรดอะมิโนด้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ นอกจากนี้บางชนิด ยังประกอบด้วยสารพิษทำให้สัตว์ใช้โปรตีนจากพืชหรือแร่ธาตุอื่นในอาหารสัตว์ได้ไม่เต็มที่ เช่น โปรตีนจากพืชจะมีกรด Phytic กรดนี้จะรวมกับแร่ธาตุ ต่าง ๆ เช่น ฟอสฟอรัส ทำให้การใช้ประโยชน์ของแร่ธาตุดังกล่าวลดลง

เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้กลูโคสซึ่งเป็น หน่วยเล็กที่สุดของคาร์โบไฮเดรทที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ ยังช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโนและสารต่าง ๆ ในร่างกาย และทำงานร่วมกับโปรตีนและ ไขมันในส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย อย่างไรก็ตามการกินคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไป ร่างกายสัตว์เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินเป็นไขมัน สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดโรคอ้วนได้ แหล่งคาร์โบไฮเดรตในอาหารสุนัข ได้แก่ ข้าวโพด ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ด เมล็ด ธัญพืช ขนมปัง มันฝรั่ง ข้าว และ pasta ส่วนประกอบพวกนี้จะมีราคาถูกและใช้เป็นจำนวนมากในอาหารสุนัข

ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงเมื่อเทียบกับโปรตีน และ คาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เท่ากัน ไขมันให้พลังงานสูงกว่าประมาณ 2.25 เท่า นอกจากนี้ไขมันยังมีประสิทธิภาพย่อยได้สูงกว่าอีกด้วย ไขมันนอกจากให้พลังงานแล้วยังทำหน้าที่อีกหลายอย่าง เช่น เป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็น ต่อการทำงานของร่างกายและป้องกันการเกิดโรคผิวหนัง ได้แก่ กรดไขมันลิ โนเล-อิค กรดไขมันลิโนเลนิค ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินอี ดี เอ และเค เป็นฉนวนป้องกันความร้อนออกจากร่างกาย และห่อหุ้มป้องกันอันตรายต่อเนื้อเยื่อต่างๆ วัตถุดิบ ไขมันในอาหารสุนัข มีทั้งมาจากพืชและสัตว์ ไขมันที่ดีต้องอยู่ ในรูปของไตรกลีเซอไรด์และอื่นๆไม่เกิน 2.5% แหล่งของกรดลิโนเลอิคที่ สำคัญได้แก่ นํ้ามันลีนซีน และนํ้ามันแฟล็กซีน นอกจากนี้การเสริมอาหาร ไขมันลงในอาหารสัตว์ยังช่วยให้อาหารมีความน่ากินและเพิ่มรสชาติของอาหารอีกด้วย

วิตามินเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการปริมาณน้อย แต่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการให้ผลผลิต ถ้าเกิดการขาดหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เกิดปัญหาได้ วิตามินที่สำคัญและจำเป็นต่อสัตว์ ซึ่งมีทั้งร่างกายสัตว์สังเคราะห์ได้เอง และมีอยู่ในอาหารสัตว์ โดยทั่วไปวิตามินแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

  1. วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อี และเค
  2. วิตามินที่ละลายได้ในนํ้า เช่น วิตามินซี

แร่ธาตุเป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่สำคัญในร่างกายมากมาย เช่น เป็น องค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก ฟัน เนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยในขบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ช่วยควบคุมความเป็นกรดด่างของเลือด ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของร่างกาย และเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ วิตามิน และฮอร์โมน

แร่ธาตุสามารถแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ

  1. แร่ธาตุมหภาค (Macro elements) พบในเนื้อเยื่อของสัตว์ในระดับมากกว่า 110 ppm. ประกอบด้วย แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม คลอไรด์ โปตัสเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์
  2. แร่ธาตุจุลภาค (Micro elements) พบในเนื้อเยื่อของสัตว์ในระดับ ต่ำกว่า 100 ppm. ประกอบด้วย เหล็ก ทองแดง สังกะสี แมงกานีส โคบอล์ท ไอโอดีน ซีลีเนี่ยม โมลิบดีนัม ฟลูโอไรด์

ชนิดของอาหารสุนัข

เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทาง อาหารครบถ้วนตามความต้องการของสุนัข แบ่งออกได้2 ชนิด

  • อาหารกระป๋องที่เสริมวิตามิน เป็นที่นิยมใช้กันมาก
  • อาหารกระป๋องที่ไม่เสริมวิตามิน ส่วนมากใช้เพื่อเพื่มความน่ากิน เช่น เติมลงบนอาหารเม็ดแห้ง 1-2 ช้อน

อาหารกระป๋องส่วนมากประกอบด้วยส่วนผสมของเนื้อสัตว์และธัญพืช

ข้อดี       

–  มีความน่ากิน สุนัขจะยอมรับได้ง่าย

– สามารถเก็บไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ต้องแช่ในตู้เย็น แต่ถ้าเปิดกระป๋องแล้วต้องใช้ให้เร็วที่สุด มีข้อแนะนำว่าถ้าเปิดกระป๋องแล้ว ควรเก็บอาหารที่เหลือไว้ในถุงพลาสติกและ เก็บไว้ในตู้เย็นเพราะเมื่อกระป๋องถูกอากาศจะเกิดขบวนการออกซิเดชั่น ทำให้กระป๋องเกิดสนิมได้

ข้อเสีย   

– ราคาแพง ไม่เหมาะจะใช้เลี้ยงสุนัขเป็นจำนวนมาก

 – ทำให้สุนัขอ้วนได้ง่าย เพราะเป็นอาหารที่มีความน่ากินสูง ดังนั้นควรจำกัดจำนวนอาหารให้พอเพียงกับความต้องการสุนัขเท่านั้น

มีคุณค่าทางอาหารครบตามความต้องการของสุนัข ประกอบด้วย เนื้อสัตว์ ธัญพืช ไขมัน และสารเพิ่มความชื้น เช่น simple sugar, glycerol, corn syrup ซึ่งสามารถเพิ่มความน่ากิน และถนอมอาหารได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสารอาหารที่ป้องกันการเติบโต ของเชื้อจุลินทํรย์ เพื่อยืดอายุของอาหารอีกด้วย เช่น propylene glycol,potassium sorbate เป็นต้น อาหารชนิดนี้ส่วนมากอยู่ในรูปของห่อ

ข้อดี

  • มีกลิ่นน้อยกว่าอาหารกระป๋อง ผู้เลี้ยงนิยม
  • ใช้สะดวกเพราะทำให้รูปของ Single-package
  • มีหลากหลายชนิดให้เลือก เช่น รูปร่างของ Package แตกต่างกัน วัตถุดิบที่ใช้แตกต่างกันในแต่ละ package

ข้อเสีย

  • ถ้าตั้งทิ้งไว้นานความน่ากินจะลดลงเพราะนํ้าระเหยออก

เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าอาหาร ครบถ้วน ในปริมาณที่พอเพียง จะมีนํ้าเป็นส่วนประกอบประมาณ 10% มีหลายรูปแบบ เช่น flakes meal pellet และ expanded chunks ส่วนประกอบที่สำคัญจะเป็นพวก ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนม วิตามิน และแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีพวกแป้ง เพื่อยืดอายุของผลิตภัณฑ์

ข้อดี         

  • ประหยัด เพราะราคาถูก และสามารถซื้อเก็บไว้จำนวนมากเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขหลายตัว
  • เก็บได้นาน เพราะมีนํ้าเป็นส่วนประกอบน้อย
  • สะดวก เพราะเจ้าของสามารถตั้งอาหารทิ้งไว้ในชามสุนัข หลายวัน โดยไม่เน่าเสีย
  • มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เพราะการเคี้ยวและบดอาหารจะ ช่วยป้องกันการสะสมของ Plague และ calculus ของฟัน

ข้อเสีย

  • ความน่ากินน้อย และสุนัขไม่ค่อยยอมรับ ดังนั้นจำเป็นให้ อาหารชนิดนี้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข



ผู้เลี้ยงบางคนมีความเชื่อว่าการ ทำอาหารให้สุนัขเอง สุนัขจะเติบโตดีกว่า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก และยังต้องใช้เวลาอีกด้วย

ข้อเสีย

  • ความไม่สม่ำเสมอของสารอาหารในการปรุงแต่ละครั้ง
  • ความสมดุล และความครบถ้วนของสารอาหารเป็นไปได้ยาก รวมทั้งขาดการวิเคราะห์คุณภาพของอาหารที่คุณทำเอง อย่างไรก็ตามถ้าคุณยังต้องการจะทำอาหารให้สุนัขเอง สามารถยึดหลักง่ายๆ คือ ทำอาหารที่มีส่วนประกอบหลากหลายชนิด เพื่อให้ได้สารอาหาร ครบทุกกลุ่ม
ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

โรคติดต่อที่ควรระวังและการให้วัคซีนในสุนัข

วัคซีนสุนัข

โรคติดต่อและการให้วัคซีนในสุนัข

โรคติดต่อที่เกิดขึ้นกับสุนัข จำเป็นต้องหาวัคซีนป้องกัน

Home / การฝึกสุนัข

โรคติดต่อในสุนัข

สุนัขจำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรค

สุนัขจำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งโรคเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่มียารักษาโดยเฉพาะทำให้โอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ดังนั้นการฉีดวัคซีน ป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข (Canine Distemper Virus: CDV) พบได้ ในสุนัขทุกช่วงอายุ แต่สุนัขอายุน้อยจะอันตรายมากกว่า โรคนี้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่ติดต่อไปยังมนุษย์ ลักษณะจำเพาะของโรค คือ มีไข้ตาแฉะ มีน้ำมูก ควบคู่ไปกับอาการของระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ และระบบประสาท

อาการ (Clinical sign) แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

  • ระยะที่หนึ่ง จะพบ 3-5 วันหลังจากได้รับเชื้อ สุนัขจะมีน้ำตาและ น้ำมูกโดยเริ่มแรกจะใส ต่อมาข้นและมีสีเหลืองปนเขียว มีไข้สูงประมาณ 24-48 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบอาการอื่นที่ไม่เฉพาะต่อโรคร่วมด้วย เช่น ไอ เมื่อ อาหาร ห้องเสีย อาเจียน
  • ระยะที่สอง จะเริ่มอาการหลังจากระยะแรก 1 อาทิตย์ บางครั้ง 2 เดือนก็พบได้ อาการระยะนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่เข้าไปทำลายระบบประสาท ซึ่งความรุนแรงขึ้นกับว่าเชื้อโรคเข้าไปทำลายส่วนไหนของระบบประสาท ที่พบ บ่อย คือ
  1. ชัก (convulsion, seizure, fits) และมีกล้ามเนื้อหดตัวเป็นจังหวะ พบมากที่กล้ามเนื้อขา ใบหน้า โดยที่ขาจะกระตุก (jerk) ทุก 2-3 วินาที โดยที่สุนัขไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าเป็นมากสุนัขไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปกติ กรณีชักที่ใบหน้าและขากรรไกร จะกินน้ำและอาหารลำบาก

 

  1. อาการอื่นๆ ที่พบได้ก็มีสูญเสียการรับรู้อย่างสมดุล , อัมพาต , ขาด ความสนใจสิ่งแวดล้อมบางครั้งอาจมีการหนาตัวและแข็งขึ้นของฝ่าเท้า (Pad) ดังนั้น Hard pad จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของโรคนี้ สุนัขที่เป็นไข้หัดสุนัขประมาณ 50 % สามารถหายได้โดยไม่มีอาการทางประสาท การไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว ทำให้โอกาสหายเพิ่มขึ้นและเมื่อหายแล้วสามารถเกิดโรคได้อีก

การแพร่เชื้อโรค (Transmission) สัตว์ที่กำลังป่วยหรือเพิ่งหายจากป่วย จะขับเชื้อไวรัสจำนวนมากทางอากาศรวมทั้งทางน้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระและน้ำตา

การป้องกัน (Prevention) การให้วัคซีนจะดีที่สุด วัคซีนจะไม่ให้ภูมิ ต้านทานทันที จะใช้เวลาประมาณ 10 วัน จึงเริ่มป้องกันโรคได้และแม่พันธุ์ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นก่อนการผสมพันธุ์

อายุเริ่มแรกของลูกสุนัขที่ควรได้รับวัคซีนขึ้นกับสถานภาพภูมิคุ้มกัน โรคของแม่สุนัข ตังนี้

  1. แม่สุนัขมีภูมิคุ้มกันโรคสูง และลูกสุนัขได้รับนั้านมเหลืองแรกคลอดเต็มที่ ลูกสุนัขควรได้รับวัคซีนเข็มแรก ในช่วงอายุ 12-16 อาทิตย์ เพราะ เป็นช่วงที่ภูมิต้านทานที่ได้รับจากแม่เริ่มหมดไป
  2. ลูกสุนัขเกิดจากแม่ไม่ทราบสถานภาพภูมิคุ้มโรค และมีอายุเกิน 3 เดือนไปแล้วสามารถให้วัคซีนเพียงครั้งเดียวในช่วงระยะปีแรก
  3. ลูกสุนัขเกิดจากแม่ไม่ทราบสถานภาพภูมิคุ้มโรค และมีอายุต่ำกว่า 3 เดือนควรให้วัคซีนอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อลูกสุนัขหย่านม และครั้งที่ 2 เมื่อลูกอายุได้ 12-16 สัปดาห์ แต่ถ้าให้ดีที่สุด ควรให้วัคซีนห่างจากครั้งแรกทุก 2 อาทิตย์จนอายุได้ 12-16 อาทิตย์
  4. ลูกสุนัขกำพร้าไม่เคยได้รับ colostrum ควรให้วัคซีนตั้งแต่อายุ 2 อาทิตย์และต่อมาทุก 2 อาทิตย์จนอายุได้ 12-16 อาทิตย์
  5. เพื่อภูมิต้านทานอยู่ในระดับสูง ควรฉีดวัคซีนซํ้าทุกปี ปีละครั้ง

อย่างไรก็ตามการให้วัคซีนต้องคำนึงถึงภูมิต้านทานจากแม่ เพราะภูมิต้านทาน นี้จะไปขัดขวางการสร้างภูมิคุ้มโรคของลูก ดังนั้นการให้วัคซีนกับลูกสุนัขอายุน้อยหรือขณะที่ภูมิคุ้มโรคจากแม่ยังไม่หมด จำเป็นต้องได้รับวัคซีนซํ้าหลายครั้งเสมอ

การรักษา (Treatment) ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้สำหรับทำลายเชื้อไวรัส โดยตรง ดังนั้นหลักการรักษาโรคประกอบด้วย

  1. ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน โดยเฉพาะป้องกันการเกิดปอดบวม ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
  2. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ(Symptomatic treatment) เช่น

ถ้ามีอาการชักก็ให้ยาระงับอาการชัก เป็นต้น

  1. การรักษาเพื่อพยุงสุขภาพสัตว์(Supportive treatment) เพื่อให้ ร่างกายคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว เช่น การให้สารน้ำหรือ(Isotonic fluid) โปรตีน และวิตามิน
  2. การดูแลเอาใจใส่สุนัข ให้ความรัก ความอบอุ่น สิ่งแวดล้อมที่ดี และ อาหารที่ดี ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สุนัขฟื้นตัวเร็วขึ้น

มาก ดีกว่ามนุษย์ ถึง 1 ล้านเท่าทีเดียว

เกิดจากเชื้อไวรัส (Canine Adenovirus – 1)ทำให้ตับเสียหาย โรคนี้ไม่ ติดต่อไปยังมนุษย์

อาการ พบได้ในสุนัขทุกอายุ แต่พบบ่อยที่สุดในสุนัขอายุน้อยกว่า 1ปี

แบ่งเป็น

  • อาการแบบเฉียบพลันรุนแรง (Peracute) ไข้สูง ปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด และมักตายภายใน 24 ชั่วโมง หรือสุนัขบางตัวอาจ ตายทันทีโดยไม่แสดงอาการ
  • อาการแบบเฉียบพลัน (Acute) มีไข้สูง เบื่ออาหาร ทอนซิลอักเสบ เหงือกมีสีแดง ท้องเสีย แสดงอาการปวดช่องท้อง ท้องมักแข็งตึง อาจพบจุด เลือดตามใต้ผิวหนัง อาจพบกระจกตาขุ่นมัวเมื่อเริ่มฟื้นจากโรค กรณีเป็นมากๆ อาจป่วยและตายทันที

การแพร่เชื้อโรค สุนัขที่ป่วยจะขับไวรัสออกมาหลายทาง เช่น นํ้าลาย, ปัสสาวะ, อุจจาระ รวมทั้งสุนัขที่หายป่วยสามารถขับเชื้อไวรัสออกมาหลายเดือนหลังจากเป็นปกติ โรคนี้ติดต่อได้ง่ายโดยการกินและสัมผัสโดยตรงกับเชื้อที่ขับออกมากับสึ๋งขับถ่าย ดังนั้นจึงไม่ควรนำสุนัขที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าไป รวมกลุ่ม

การป้องกัน โดยการให้วัคซีนและควรมีการกระตุ้นซํ้าทุกปีเป็นประจำ เนื่องจากวัคซีนป็องกันโรคนี้ในประเทศไทยมักอยู่รวมกันกับไข้หัดสุนัข การ ฉีดวัคซีนตับอักเสบ จึงมักแนะนำให้ ถือปฏิบัติเช่น เดียวกับวัคซีนป้องกันโรค ไข้หัดสุนัข

การรักษา เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นหลักการรักษาจึง คล้ายกับการรักษาโรคไข้หัดสุนัขคือ รักษาตามอาการและรักษาเพื่อพยุงสุขภาพสัตว์ รวมทั้งให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมเพื่อควบคุมป้องกันการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน และการดูแลที่ดี

 

เกิดจากเชื้อ Canine Corona Virus; CCV และ Canine Parvovirus; CPVพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1978 และแพร่ไปอย่างรวดเร็ว พบว่าภายใน 2 ปี

 

โรคนี้กระจายไปทั่วโลก ลักษณะจำเพาะของโรคคือ อาเจียนและท้องร่วงอย่างรุนแรง

อาการ พบได้2 รูปแบบคือ

  • แบบแรก สุนัขจะมีอาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย โดย อุจจาระที่ออกมาจะมีเลือดปนและมีกลิ่นเหม็น ทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะลูกสุนัข
  • แบบที่สอง ลูกสุนัขจะตายอย่างรวดเร็ว (sudden death) โดยไวรัสจะ เข้าทำลายกล้ามเนื้อหัวใจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว รูปแบบนี้พบไม่มาก

การป้องกัน โดยการให้วัคซีนเร็วที่สุดที่สามารถให้ได้คือ 2 อาทิตย์ แต่ปกตินิยมให้เมื่อ 6-8 อาทิตย์ 12-14 อาทิตย์และ 16-18 อาทิตย์ ควรมีการ กระตุ้นซํ้าประจำทุกปีเพื่อให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงอยู่เสมอ และให้วัคซีนกับสุนัข ทุกช่วงอายุ แม้กระทั่งในสุนัขแก่เพราะสุนัขแก่คล้ายกับลูกสุนัข คือ มีความไว ต่อการเกิดโรคสูง

การให้วัคซีนก่อนผสมทำให้แน่ใจได้ว่าสามารถให้ภูมิด้านทานแก่ลูก สุนัขได้เพียงพอและถ้าในสุนัขตั้งท้องควรให้วัคซีนเชื้อตาย โดยทั่วไปวัคซีนไม่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์แต่ไม่แนะนำให้ฉีดในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์

การรักษา   เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ดังนั้น หลักการ

รักษาเช่นเดียวกับการรักษาโรคไข้หัดสุนัข ที่สำคัญ คือ ต้องหยุดสภาพการขาดน้ำที่เกิดจากการอาเจียนและท้องเสียโดยให้สารน้ำเป็นจำนวนมาก และใช้ยาปฏิชีวนะควบคุมการติดเชื้อแทรกซ้อน

เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อหลายชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ที่สำคัญคือ Canine Parainfluenza Virus, Canine Adenovirus type 2และแบคทีเรีย Bordetella bron chiseptica ลักษณะสำคัญของโรค คือ ไอ ซึ่ง ความรุนแรงของโรคแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ Kennel cough เป็นโรคที่ทำความรำคาญแก่สุนัขมากกว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งจะพบมากในสุนัขที่เลี้ยงรวมกัน

อาการ เริ่มด้วยไอแห้งๆ ต่อมาจะกลายเป็นไอแค็กๆ และบ่อยขึ้นถ้าเจ้าของลังเกตุไม่ดีคิดว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดคอและจะหยุดไอเมื่อสามารถขย้อนเอาเสมหะออกมาได้ การคลำที่หลอดลมจะกระตุ้นให้เกิดการไออย่าง รุนแรง บางครั้งมีอาเจียนร่วมด้วย สุนัขจะไอติดต่อกันเป็นเวลาหลายนาที kennel cough จะเป็นประมาณ 7-14 วัน ถ้าเป็นไปรุนแรงจะหายเองได้คล้ายกับ หวัดในคน

การแพร่เชื้อ โดยการหายใจ สุนัขจะขับไวรัสออกมาในอากาศ ดังนั้น สุนัขที่อยู่รวมกลุ่มเป็นจำนวนมากในพื้นที่จำกัด โอกาสที่จะรับเชื้อไวรัสเข้าไปเป็นจำนวนมากได้สูง ดังนั้นการระบายอากาศที่ดีมีประสิทธิภาพจะลดการติดต่อโรคได้ โรคนี้ไม่ติดต่อไปยังมนุษย์

การป้องกัน การให้วัคซีนจะช่วยลดการติดเชื้อและความรุนแรงของ โรคได้ วัคซีนป้องกันโรคที่ดีควรป้องกันทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย หรือให้ร่วมกันทั้ง 2 ชนิด เริ่มให้วัคซีนเมื่ออายุได้6 อาทิตย์ กระตุ้นซํ้าเมื่อ 12-14,16-18 อาทิตย์ ต่อไปปีละครั้ง ในประเทศไทยวัคซีนที่ใช้ทั่วไป มักอยู่รวมกับไข้หัด ตับอักเสบ และโรคไข้ฉี่หนู ( leptospirosis )

การรักษา ใช้หลักการเดียวกันกับการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่น ๆ โดยถ้ามีอาการน้อย ๆ ไม่ต้องรักษา ดูแลให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและอบอุ่นก็จะหายไปเองเหมือนโรคหวัดในคน ถ้าไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ อาจต้องให้ยาระงับอาการไอ แต่ถ้ามีเสมหะ ควรให้ยาละลายเสมหะร่วมด้วย และให้ยาปฏิชีวนะกรณีมีการติดเชื้อแบคทีเรีย B. bronchiseptica.



เกิดจากเชื้อไวรัส Rabies Virus โรคพบได้ในสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์กินเนื้อเช่น สุนัขบ้าน โรคพิษสุนัขบ้ามีความร้ายแรงและ อันตรายมากที่สุดสามารถทำให้สุนัขตาย และติดต่อไปยังมนุษย์ ในคนถ้าเป็น โรคพิษสุนัขบ้าแล้ว โอกาสรอดชีวิตน้อยมาก

การแพร่เชื้อ โดยการกัดของสุนัขบ้า ในนํ้าลายสุนัขบ้าจะมีเชื้อไวรัสอยู่จำนวนมาก หลังจากถูกกัดเชื้อจะตรงไปยังระบบประสาท ปกติสุนัขจะขับ ไวรัสออกมาในนํ้าลายก่อนสุนัขแสดงอาการ 1 อาทิตย์ และโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสในอากาศ เช่น ในถํ้าที่มีนํ้าค้างคาว

อาการ เริ่มแรกจะมีไข้สูง พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ สุนัขเงียบจะกระวนกระวาย ตะครุบ หรือกระปรี้กระเปร่า ส่วนสุนัขก้าวร้าวจะกลายเป็นประจบประแจง ทำตัวน่าสงสารหรือทำตัวให้เจ้าของเอ็นดู ต่อมา อาการจะเปลี่ยนไปใน 2รูปแบบคือ

  1. รูปแบบดุร้าย (the furious form)

สุนัขจะตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นทุกชนิดมากกว่าปกติ และกัดทุกสิ่งที่ เคลื่อนที่อยู่ข้างหน้าและจะกัดมากขึ้นถ้าถูกกระตุ้นด้วยแสง เสียง ความสั่นสะเทือน สุนัขจะวิ่งอย่างไร้จุดหมาย ต่อมา จะมีการ ชัก ซึ่งทำ,ให้สุนัขอัมพาตและตายในที่สุด

  1. อัมพาต (The dump or paralytic form)

สุนัขจะไม่กัดแต่จะเกิดอัมพาตตามกล้ามเนื้อ ขากรรไกรค้าง ลิ้นห้อย เสียงเห่าอาจจะเปลี่ยนไป ปกติแล้วอาการจะแสดงภายใน 3-8 อาทิตย์หลังจาก ถูกกัด แต่บางครั้งอาจมากกว่า 8 เดือน ขึ้นกับตำแหน่งที่กัด ล้ากัดบริเวณ ศีรษะจะแสดงอาการเร็วที่สุด

การป้องกัน สุนัขควรได้รับวัคซีนป้องกัน การป้องกันโรคล่วงหน้า ครั้งแรกเมื่ออายุได้ 3 เดือนเป็นต้นไป เนื่องจากระบบการสร้างภูมิคุ้มกันต่อ โรคพิษสุนัขบ้าจะสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้ค่อนข้างดีหลังจากอายุ 11 สัปดาห์เป็นต้นไป และภูมิต้านทานที่ได้รับจากแม่ทางนมนํ้าเหลือง (Colostrum) ก็มีอิทธิพลต่อการสร้างภูมิต้านทานโรคอีกด้วย หากสุนัขได้รับวัคซีนในขณะที่ภูมิต้านทานจากแม่มีระดับสูงอยู่จะไม่สามารถสร้างภูมิ ต้านทานได้ เลย

การป้องกันหลังสัมผัสโรค องค์การอนามัยโรคได้ให้คำแนะนำว่า

  • สุนัขที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน ถ้าถูกสุนัขบ้า

กัด ควรทำลายสัตว์ที่ถูกกัดทันที

  • สุนัขที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน ถ้าถูกสุนัขที่

สงสัยว่าเป็นบ้าหรือไม่ทราบสภาวะของสัตว์ตัวที่มากัด ให้กักขัง สุนัขที่ถูกกัดไว้ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์เป็นเวลา 6 เดือน ถ้า สัตว์ถูกกัดเคยฉีดวัคซีนป็องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อนควรฉีดซํ้า แล้วกักขังไว้ดูอาการอย่างน้อย 3 เดือน นอกจากนี้มีข้อแนะนำว่า

  • กรณีที่สุนัขไม่ฉีดวัคซีนป็องกันโรคพิษสุนัขบ้า และถูกสุนัขบ้ากัด

ให้วัคซีนกับสุนัขที่ถูกกัด 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งที่ 4-5 วัน พบว่า ให้ผลในการกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มโรคเช่นเดียวกับ การฉีดทุกวันติดติดกัน 10-12 วัน

  • กรณีสุนัขถูกกัดเคยฉีดวัคซีนมาก่อน และสุนัขยังมีภูมิต้านทานอยู่ ให้ฉีดวัคซีนซํ้าภายใน 5 วัน หลังสัมผัสโรค
  • ในกรณีแม่สุนัขกำลังเลี้ยงลูก ถ้าเป็นบ้าขณะที่กำลังให้นมลูกแนะนำ

ให้ทำลายลูกทั้งหมด เพราะลูกมีโอกาสได้รับเชื้อจากนํ้าลายแม่ และลูกสัตว์มีความไวในการติดโรคมากกว่าสุนัขอายุมากขึ้น

เป็นโรคติดต่อที่เกิดกับสัตว์หลายชนิด รวมทั้งสุนัขและคนด้วย สาเหตุเกิดจากเชื้อ leptospira ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ตับและไต

อาการ มีหลายรูปแบบ ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของการติดเชื้อ กล้ามเนื้อและไต เป็นอวัยวะที่เชื้อเข้าไปทำลายมากที่สุด ดังนั้นจึงทำให้สุนัขมีความเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ไม่ค่อยเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวด้วยความเจ็บปวด ส่วนอาการอื่นๆ จะพบ มีไข้ ซึม เบื่ออาหาร และมีภาวะดีซ่าน (เหลืองตามเยื่อเมือกต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ตาและเหงือก) ถ้าไตเสีย สุนัขจะห้องเสีย อาเจียน มีแผลหลุมในปาก ซึ่งต่อมาสุนัขจะขาดนํ้าและตายในที่สุด

การแพร่เชื้อโรค ปัสสาวะของสัตว์ป่วยและสัตว์เพิ่งหายป่วย เป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคจำนวนมาก ดังนั้นการสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรง หรือ สัมผัสกับสิ่งอื่นๆ ที่แปดเปี้อนปัสสาวะมีเชื้อโรคจะทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสามารถติดต่อโดยการกินเนื้อที่ติดเชื้อ โรคนี้สามารถติดต่อจากสัตว์ ถึงคนได้ ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคนี้ถูกนำไปรวมกับวัคซีนป้องกันไข้หัดสุนัข และโรคตับอักเสบติดต่อ ดังนั้นโปรแกรมการป้องกันโรคเลปโตสไปโรซีสจึงควบคู่กับสองโรคนี้เสมอ

การรักษา ประกอบด้วย

  1. ให้ยาปฏิชีวนะ พบว่า เพนนิซัลลิน และไดไฮโดรสเตรปโตมัยชิน ให้ผลดีในการรักษา
  2. รักษาเพื่อพยุงสุภาพสัตว์ เช่น การให้สารนํ้าและสารอาหาร

• ประโยชน์ใช้สอยที่ไม่ธรรมดา เช่น สุนัข Lhasa Apso เป็นสุนัขที่ลามะในธิเบตเลี้ยงไว้เพื่อระวังภัย และยังถือว่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งโชคลาภอีกด้วย สำหรับสุนัขพันธุ์ เชาเชา ซึ่งถือกำเนิดในมองโกเลียเมื่อ 3,000 ปีก่อน แรกเริ่มเดิมที ก็เป็นสุนัขที่ถูกใช้ในสงครามอยู่ดีๆ แต่ต่อมากลับถูกชาวจีนฆ่าเป็นอาหาร และนำเอาขนสัตว์ไปทำเครื่องนุ่งห่มเสียนี่ ช่างน่าอาภัพนัก ว่ากันว่า ในปัจจุบันนี้ชาวเกาหลี ส่วนหนึ่งยังนิยมกินเนื้อสุนัขเชาเชา และ พูเดิ้ลสีแดง อยู่ โดยถือว่าเป็นอาหารอันโอชะชั้นเหลาทีเดียว

สุนัขแรกเกิดที่ได้รับการถ่ายทอดภูมิคุ้มกันในรูปของแอนติบอดีจาก แม่ในการป้องกันการติดเชื้อตามธรรมชาติ ประมาณ 2 – 18 % ของแอนติบอดีดังกล่าว ลูกสุนัขได้รับผ่านทางรก และประมาณ 82 – 98 % ได้รับผ่านทางนมน้ำเหลือง

ความสามารถของลูกสุนัขในการป้องกันโรคต่างๆ ขึ้นอยู่กับระดับ แอนติบอดีที่ได้รับมาจากแม่ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผ่านทางนมน้ำเหลืองและค่าครึ่งชีวิตของแอนติบอดีต่อโรคต่างๆ ซึ่งจะลดลงจนถึงระดับที่ไม่สามารถป้องกันโรคตามธรรมชาติได้ การให้วัคซีนในขณะที่ร่างกายมีระดับแอนติบอดีสูง จะทำให้การทำวัคซีนไม่ได้ผล เพราะเชื้อที่ให้เข้าไปจะลูกรบกวนจากแอนติบอดีที่ยังสูงอยู่ ตามหลักการ ควรทำวัคซีนเมื่อภูมิคุ้มกันลดลงถึงระดับที่รบกวนการทำวัคซีนน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามระดับภูมิคุ้มกันที่รบกวนการตอบสนองต่อวัคซีน อาจใกล้เคียงกับระดับภูมิคุ้มกันที่ไม่สามารถปองกันการติดเชื้อโดยธรรมชาติ จึงทำให้ลูกสุนัขมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถต้านทานโรคได้ แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้เช่นเดียวกัน

ลูกสุนัขสามารถตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อที่ร่างกายได้รับเข้าไป ตั้งแต่แรกเกิด แต่อาจช้าและไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับสุนัขที่โตเต็มที่แล้ว สุนัขที่อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ มีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ การได้รับวัคซีนที่เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอาจสร้างปัญหาแก่สุนัขได้ดังนั้นไม่ควรทำวัคซีนในลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์

อายุที่ควรทำวัคซีนครั้งแรกจากข้อมูลที่รายงาน รวมทั้งโปรแกรม วัคซีนของต่างประเทศแนะนำให้ทำวัคซีนแก่ลูกสุนัขครั้งแรกเมื่ออายุสุนัขได้ 8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขมีการพัฒนาเต็มที่ ประกอบกับระดับแอนติบอดีที่ลูกสุนัขได้รับมาจากแม่ผ่านทางนมน้ำเหลือง น่าจะมีระดับลดลงจนทำให้สุนัขสามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้

ดังนั้นการทำวัคซีนแบบมาตรฐานควรจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขอายุ 8 สัปดาห์ และควรเป็นการทำวัคซีนรวม ซึ่งประกอบด้วยวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข และวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อพาร์โวไวรัส เพื่อให้แน่ใจว่า ลูกสุนัขจะได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัยจากโรคร้ายแรงทั้ง 2 โรค

อย่างไรก็ตาม ลูกสุนัขที่อยู่หรือมาจากสถานที่ที่สภาพแวดล้อมมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค เช่น อยู่ในบ้านหรือบริเวณที่มีการระบาดของโรค คอก สุนัขที่เคยมีการระบาดของโรค สถานสงเคราะห์สัตว์ ร้านขายสัตว์เลี้ยง ลูกสุนัข ที่มาจากแม่ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่มีประวัติการทำวัคซีน สัตวแพทย์อาจพิจารณาทำวัคซีนก่อนอายุ 8 สัปดาห์ คือ ทำวัคซีนเมื่อลูกสุนัขอายุ 6 สัปดาห์โดยอาจจะทำวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัขหรือโรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อพาร์โวไวรัส ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของสัตวแพทย์ว่า ลูกสุนัขมีความเสี่ยง ต่อโรคใดมากกว่ากัน

สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า จากข้อมูลที่ทางบริษัทผู้ผลิต และจาก คำแนะนำใน Compendium of Animal Rabies Control 1998 แนะนำใหฉีดเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการมีความเห็นว่าการฉีดวัคซีนในลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้าให้อยู่ในดุลพินิจของสัตวแพทย์ในกรณีที่ลูกสุนัขได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เมื่ออายุน้อยกว่า 3 เดือน ให้ทำการฉีดวัคซีนซ้ำเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 3 เดือนอีกครั้งหนึ่ง

ในอายุปีแรกของลูกสุนัขแนะนำให้ทำวัคซีนมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากภูมิคุ้มกันจากแม่สุนัขที่อาจจะมีอยู่สูงขณะทำวัคซีนครั้งแรก หรือ เพื่อกระตุ้นให้ลูกสุนัขสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงภายหลังจากการได้รับวัคซีนครั้งแรก สำหรับโรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อพาร์โวไวรัส อาจมีช่วงระยะเวลาที่ลูกสุนัขตอบสนองต่อการทำวัคซีนน้อย หรือไม่ตอบสนองเลยยาวนานกว่าใน กรณีของโรคไข้หัดสุนัข ประกอบกับช่วงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมีสูง จึงอาจจะต้องทำวัคซีนมากกว่า 2 ครั้งในปีแรก ซึ่งระยะห่างการทำวัคซีนแต่ละครั้ง ควรห่างกันไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป

ชนิดของวัคซีนที่มีให้เลือกใช้ในประเทศไทยเริ่มมีมากขึ้น กรณีโรคไข้ หัดสุนัขมักเป็นวัคซีนรวมอยู่กับวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบติดต่อและโรคเลป โตสไปโรซีส ส่วนวัคซีนโรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อพาร์โวไวรัสเป็นวัคซีน เชื้อเป็นที่อาจจะอยู่ในรูปวัคซีนเดี่ยวหรืออยู่รวมกับวัคซีนที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นวัคซีนเชื้อตายซึ่งมีทั้งที่เป็นวัคซีนเข็ม เดียวและรวมอยู่กับวัคซีนอื่นๆในเข็มเดียวกัน

โปรแกรมวัคซีนสำหรับสุนัขในประเทศไทย

อายุสุนัข

ชนิดวิ’คซีน

หมายเหตุ

6 สัปดาห์

วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข หรือลำไส้อักเสบ

เฉพาะกรณีที่สัตว์แพทย์พิจารณา แล้วว่าลูกสุนัขมีความเสี่ยงต่อโรค ดังกล่าว

8 สัปดาห์

วัคซีนรวม (ไข้หัด + ลำไส้อักเสบ)

 

10สัปดาห์

วัคซีนรวม (ไข้หัด + ลำไส้อักเสบ)

 

12สัปดาห์

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

สำหรับสุนัขที่มีความเสี่ยงสูง อาจทำก่อน 12 สัปดาห์ และทำซํ้าอีกเมื่ออายุ 12 สัปดาห์

16สัปดาห์

วัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบ

 

6 เดือน

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากนั้นฉีดกระตุ้นทุกโรคทุกปี

 

 

 

 

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

โรคพิษสุนัขบ้า ภัยร้ายที่ควรระวัง

พิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้า ภัยร้ายที่ควรระวัง

โรคพิษสุนัขบ้า ก่อความเสียหายต่อชีวิตคนและสัตว์เลี้ยง

Home / การฝึกสุนัข

พิษสุนัขบ้า

แม้ว่าโรคพิษสุนัขบ้าจะเป็นโรคที่รู้จักกันมานานแล้ว

แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง อาทิ ขาดความเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของตนเองหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้โรคนี้ยังคงอยู่ และก่อความเสียหายต่อชีวิตคนและสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงขึ้น

กรมปศุสัตว์ได้มีการประกาศพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ยัง มีรายงานว่ามีผู้ถูกสุนัขบ้ากัดแล้วเสียชีวิตไปแล้วหลายราย ตามที่ได้มีข่าวนำเสนอผ่านทางสื่อสารมวลชนและ social media ต่างๆ ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความรุนแรงของโรคและหันมาสนใจระมัดระวังตนเองและ สัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น สุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความใกล้ชิดกับคน มีทั้งที่เลี้ยงอยู่ในบ้านหรือเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นสุนัขและแมวจรจัด ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดปัญหาสาธารณะและเป็นแหล่งพาหะ โรคต่างๆ กรณีโรคพิษสุนัขบ้านั้นไม่ว่าคนหรือสัตว์ เมื่อแสดงอาการป่วยแล้วจะเสียชีวิตทุกราย จึงเป็นโรคที่ ควรเฝ้าระวังและหาทางป้องกัน การควบคุมประชากรสุนัขและแมวถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงใน การแพร่กระจายของโรค

จริงหรือไม่ที่สุนัขและแมวเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเฉพาะหน้าร้อน

ความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริงเนื่องจากผลการชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้าโดยห้องปฏิบัติการของกรม ปศุสัตว์ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศนั้น มีการตรวจพบเชื้ออยู่ตลอดทั้งปี

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากอะไร

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัส (Rabies virus) เมื่อเชื้อออกจากร่างกายสิ่งมีชีวิตจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ นาน ถูกทำลายได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน แสงแดด หรือสภาวะแห้งแล้ง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคนี้ ได้ มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่าโรคพิษสุนัขบ้าติดคนโดยการถูกสุนัขหรือแมวที่มีเชื้อกัดเท่านั้น จริงๆ แล้ว เชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าสามารถแพร่กระจายสู่คนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ที่เป็นโรคและมีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับคนได้ด้วย เช่น วัว ควาย แพะ แกะ สุกร ม้า ลิง ชะนี กระรอก และสัตว์ป่า เป็นต้น

โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อจากสัตว์สู่คนได้อย่างไร

สัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะขับเชื้อออกมากับน้ำลายก่อนสัตว์แสดงอาการป่วย 3-5 วัน จนกระทั่ง เสียชีวิต เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลที่ถูกข่วน เลีย กัด รอยถลอกที่ผิวหนัง เยื่อบุตา จมูกและปาก ระยะฟักตัวของเชื้อในสุนัขและแมวประมาณ 3-8 สัปดาห์ ในคนประมาณ 3 สัปดาห์ ถึง 4 เดือน บางรายอาจ เร็วหรือช้ากว่านี้ อาจใช้เวลาเป็นปีจึงแสดงอาการ ซึ่งขึ้ นกับหลายปัจจัย อาทิ ปริมาณเชื้อหรือตำแหน่งที่ ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย และพบว่าเชื้อจากสัตว์ป่ามีความรุนแรงมากกว่าสัตว์เลี้ยง

อาการของสุนัขและแมวที่เป็นโรคพิษสุนัขเป็นอย่างไร

อาการในสุนัขมี 2 แบบ ได้แก่ แบบดุร้ายและแบบซึม แบบดุร้าย สุนัขจะแสดงอาการทางประสาท กระวนกระวาย กัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า ตัวแข็ง บางตัว ล้มลงชักกระตุก ถ้ากักขังไว้จะกัดกรงจนเลือดไหลโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด อาการดังกล่าวนี้เรียกว่าระยะตื่นเต้นซึ่ง จะแสดงอาการอยู่หลายวันจนเข้าสู่ระยะอัมพาต สุนัขจะมีน้ำลายไหล ไม่สามารถใช้ลิ้น ได้ สุนัขอาจมีอาการขย้อนคล้ายมีอะไรติดคอ ล้มลง เป็นอัมพาตทั่วตัวและตายในที่สุด แบบซึม สุนัขบ้าอาจแสดงอาการในระยะตื่นเต้นสั้นมากจนไม่ทันสังเกตเห็นอาการ แล้วแสดงอาการ ในระยะอัมพาต สุนัขบ้าที่แสดงอาการทั้ง 2 แบบ มักตายในเวลาไม่เกิน 10 วัน อาการที่พบในแมว แมวมักซุกตัวในมุมมืด มีอาการตื่นเต้น ดุร้าย กล้ามเนื้อสั่น น้ำลายไหล มี อาการทางประสาท จะกัดหรือข่วนอย่างรุนแรงไม่ปล่อย ขาเป็นอัมพาตและตายในที่สุด

ทำอย่างไรเมื่อถูกสุนัขบ้าหรือสงสัยว่าบ้ากัด

รีบล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง เช็ดแผลด้วย Providone iodine หรือ แอลกอฮอล์ 70% หรือยาฆ่าเชื้อภายนอกชนิดอื่นๆ รีบไปพบแพทย์เพื่อการป้องกันและการรักษาที่ถูกต้อง

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • จดจำลักษณะสัตว์ สังเกตอาการและสาเหตุที่ถูกกัด
  • ติดตามหาเจ้าของสัตว์ที่กัด ซักถามประวัติการฉีดวัคซีนของสัตว์
  • ควรกักขังสัตว์และเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 10 วัน
  • หากไม่สามารถกักสัตว์เพื่อเฝ้าดูอาการได้ หรือสัตว์นั้นหายไปจากพื้นที่ที่เคยอยู่ ให้สันนิษฐานว่า สัตว์ตัวนั้นน่าจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าไว้ก่อน
  • ถ้าสัตว์ตายควรนำส่งห้องปฏิบัติการชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่
    • 1) สถานเสาวภา สภากาชาดไทย (คลินิกชันสูตรและวิจัยโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์)
    • 2) สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน
    • 3) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ของกรมปศุสัตว์ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย (http://www.thairabies.net/trn/Sending.aspx)

ตัดเฉพาะส่วนหัวแช่น้ าแข็ง ใส่ถุงพลาสติกหลายๆ ชั้น แล้วส่งตรวจภายใน 24 ชั่งโมง การตัดหัวสัตว์ ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะเป็นวิธีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือติดต่อที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ ปศุสัตว์ จังหวัดที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อขอคำแนะนำ

เราจะหลีกเลี่ยงและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างไร

  1. นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเมื่ออายุ12 สัปดาห์แล้วฉีดกระตุ้นที่ 2-4 สัปดาห์ หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก ถ้าเป็นลูกสุนัขหรือแมวที่เกิดจากแม่ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ามาก่อนให้ พาไปฉีดตั้งแต่อายุ 2 เดือน และฉีดซ้ าที่อายุ 3 เดือน แล้วฉีดกระตุ้นตามก าหนด
  2. หากสัตว์เลี้ยงของเราโดนสัตว์ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดให้นำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับ การฉีดวัคซีนกระตุ้นตามโปรแกรมเฝ้าระวังโรค และกักสัตว์เพื่อสังเกตอาการ
  3. ไม่ปล่อยสัตว์ออกมานอกบ้านโดยไม่ดูแลเพราะอาจได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าจากสุนัขจรจัดที่เป็นโรค
  4. คุมกำเนิดสุนัขและแมวหากไม่ต้องการเพิ่มจำนวน และไม่ควรนำมาปล่อยเป็นสุนัขและแมวจรจัด 5. ไม่แหย่หรือรบกวนสัตว์ ไม่แยกสัตว์ที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่า อย่าปล่อยให้เด็กเล็กเล่นกับสัตว์โดย ลำพัง และไม่ควรคลุกคลีกับสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ
  5. ไม่เก็บลูกสุนัขหรือแมวมาเลี้ยงเพราะอาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้าติดมา
  6. เมื่อพบสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ สถานีอนามัย หรือสถาน บริการสาธารณสุขทันที
  7. หมั่นสังเกตสัตว์แปลกปลอมที่เข้ามาในชุมชนเพื่อเป็นการเฝ้าระวังโรค

ท่านสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ใด

– โรงพยาบาลสัตว์เพื่อการสอนของสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มีคณะสัตวแพทย์ ซึ่งรวมถึง โรงพยาบาลสัตว์เพื่อการสอน คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

– โรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกเอกชนใกล้บ้าน

– กรณีหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มีคณะสัตวแพทย์ จัดโครงการออกหน่วย รณรงค์ฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ของท่าน สามารถน าสัตว์เลี้ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนฟรีและ ขอค าปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าและการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงได้ด้วย โครงการชุมชนร่วมใจห่างไกลโรคพิษสุนัขบ้า คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ และจิตอาสา ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทำหมัน ถ่ายพยาธิในสัตว์เลี้ยง และรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า “เจ้าของสัตว์เลี้ยงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายโรค โดยการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรับผิดชอบ ดูแลเอาใจใส่ ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ เสมือนเขาเป็นสมาชิกของครอบครัว”

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ


ลงทะเบียน
สอบถามการฝึกสุนัข

การพิจารณาเลือก เลี้ยงสุนัข

การพิจารณาเลือก เลี้ยงสุนัข

การพิจารณาเลือกเลี้ยงสุนัข

การตัดสินใจจะเลี้ยงสุนัขสักตัวในบ้านหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่จะเลี้ยง

Home / การฝึกสุนัข

การพิจารณาเลือก เลี้ยงสุนัข

การพิจารณาและการตัดสินใจเลือกเลี้ยงสุนัข

การตัดสินใจจะเลี้ยงสุนัขสักตัวในบ้านหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่อง ง่ายๆที่จะเลี้ยง ซึ่งที่จริงแล้วค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่มาก หากเราจะต้องพิจารณา กันอย่างรอบคอบ และพิจารณาถึงรายละเอียดกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพราะสุนัข จะมีอายุได้ถึง 15 ปี ลูกสุนัขอาจถูกนำไปเลี้ยงตามกระแสความนิยมในขณะนั้นๆ เช่น การมีกระแสภาพยนต์เรื่อง 101 และ 102 คัลเมเชียล หรือการ นำเอาสุนัขมาแสดงประกอบในโฆษณาสินค้า บางครั้งลูกสุนัขก็อาจถูกนำไป เป็นของขวัญเนื่องในโอกาส วันเกิด วันเทศกาลสำคัญๆอย่างเช่นวันขึ้นปีใหม่ ดังนั้นสุนัขเป็นของขวัญที่สามารถสร้างความสุขและสร้างความสนุกอันยิ่งใหญ่ ในกรณีที่สุนัขตัวนั้นเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ หากตรงกันข้ามมันอาจเป็นของขวัญ ที่สามารถสร้างความทุกข์อย่างแสนสาหัสก็เป็นได้

ก่อนอื่นสิ่งแรกที่ต้องตอบให้ได้ว่าเราจะเลี้ยงสุนัขเพื่อต้องการอะไร เช่น เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงาหรือ เลี้ยงแทนลูกในรายที่ครอบครัวนั้นไม่สามารถมีลูกได้ บางคนเลี้ยงเพื่อเฝ้าบ้าน หวังเพียงให้เห่าเตือนหากมีผู้บุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ หรือบางคนอาจหวังให้จู่โจมเลยโดยไม่จำเป็นต้องให้เห่าเตือนภัยก็ได้ บางคนก็เลี้ยงสุนัขเพื่อเพาะลูกออกมาขายทำกำไรเป็นรายได้ของครอบครัวก็มี หากคิดได้เแล้วก็ต้องมาพิจารณาเลือกสุนัขตัวที่จะนำมาเลี้ยงว่า สุนัขพันธุ์ไหนตัวไหนจึงจะเหมาะสมกับความต้องการของเรา

เมื่อเราคิดจะเลี้ยงสุนัขควรมีหลักในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจก่อน ทั้งนี้เพื่อให้เราได้สุนัขที่ตรงตามความต้องการและสามารถอยู่ร่วมกับเราด้วยดี โดยมีประเด็นในการพิจารณาดังต่อไปนี้

กรณีของสุนัขพันธุ์แท้ลักษณะนิสัยค่อนข้าง แน่นอนต่างจากสุนัขพันธุผสมซึ่งจะบอกนิสัยได้ยากจึงจำเป็นต้องสังเกตุจากแม่สุนัขและพิจารณาจากการแสดงออกของลูกสุนัขตัวนั้นประกอบ อย่างเช่นบางคนชอบนิสัยสุภาพเรียบร้อย ก็ควรเลือกสุนัขพันธุ์ที่มีนิสัยเชื่อง ชอบอยู่ใกล้ชิดเจ้าของและไม่ ชอบเห่าส่งเสียงดังเช่นพันธุ์ชิสุ ปักกิ่ง ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ โพ เมอราเนียนเป็นต้น

สุนัขมีหลายสายพันธุ์ให้เลือกตั้งแต่ พันธุ์เล็กน้ำหนักตัวตั้งแต่ 2 กิโลกรัม จนถึงพันธุ์ใหญ่ๆ น้ำหนัก ตัวประมาณ 50-60 กิโลกรัม โดยทั่วไปผู้ชายมักชอบสุนัขพันธุ์ ใหญ่ แต่ผู้หญิงชอบพันธุเล็กๆ

ลักษณะของขนมีชนิดขนสั้น ขนยาว และขนลวด ขนชั้นเดียวหรือสองชั้น สีของขนมีหลากหลายตามสายพันธุ์ของ สุนัขแต่ละตัว หากเป็นสุนัขพันธุ์แท้การเลือกสีขนก็จำเป็นที่ต้อง ให้ถูกต้องตามรูปแบบของสายพันธุ์นั้นๆ การเลี้ยงดูและการดูแล ขนในสุนัขพันธุ์ขนสั้นจะง่ายกว่าและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในสุนัข พันธุ์ขนยาว

ลักษณะรูปร่างโครงสร้างของสุนัขเพศผู้จะใหญ่และมีความสวยงามมากกว่าสุนัขเพศเมีย แต่สุนัขเพศผู้เมื่อ ถึงวัยเจริญพันธุ์มักจะออกนอกบ้านเพื่อไปผสมพันธุ์และบางครั้ง จะได้รับบาดแผลจากการต่อสู้เพื่อแย่งสุนัขเพศเมียกัน ส่วนสุนัขเพศเมียสามารถขยายให้ลูกสุนัขกับเจ้าของได้

ลูกสุนัขจะอ่อนแอมากกว่าสุนัขโตจึงจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ในเรื่องอาหารและความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด แต่ข้อดีของการเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกสุนัขจะทำให้ความสัมพันธุ์ของสุนัขกับเจ้าของมีโอกาสทำให้เกิดความสัมพันธุ์ที่ดีมากกว่าการนำเอาสุนัขโตมาเลี้ยง บางครั้งในรายที่เลี้ยงสุนัข เพื่อขยายพันธุ์ เพื่อการค้าอาจตัดสินใจเลือกเลี้ยงสุนัขโต ทั้งนี้ เพราะเป็นการลดความเสี่ยงตายของลูกสุนัข ลดค่าใช้จ่ายและเวลา ในการเลี้ยงทำให้ไค้ผลผลิตเร็ว

ควรมีพื้นที่ที่เหมาะสมกับขนาดของตัวสุนัขเพื่อใช้เดินและวิ่งออกกำลังกายของสุนัข ดังนั้นสุนัขพันธุ์ใหญ่จึงต้องการพื้นที่มากกว่าสุนัขพันธุ์เล็ก

ในเรื่องของเวลาว่างเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างสุนัขและเจ้าของเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำ ให้เจ้าของคุ้นเคยและรู้นิสัยของสุนัขได้ดี ขณะเดียวกันสุนัขจะยอมรับและให้ความไว้วางใจกับเจ้าของเป็นอย่างดีด้วย

สำหรับการเลี้ยงสุนัขเริ่มตั้งแต่ค่าอาหาร อุปกรณ์ ของใช้ต่างๆ สำหรับในการดูแล ค่าวัคซีน รวมถึงค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยด้วย สรุปโดยรวมได้ว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสุนัขพันธุ์เล็ก และสุนัขพันธุ์ขนยาวจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสุนัขพันธุ์ขนสั้น ดังนั้นก่อนตัดสินใจ จะเอาสุนัขเข้ามาเลี้ยงในบ้าน เราควรพิจารณาตามหัวข้อดังกล่าวและศึกษาเรียนรู้สุนัขพันธุ์ที่เราหมายตาอย่างรอบคอบก่อน จะได้มีความสุขและสนุกกับ การเลี้ยงสุนัขอย่างแน่นอน



          โดยทั่วไปที่สะดวกรวดเร็วสำหรับบุคคลทั่วไปมักจะเป็นร้านจำหน่ายสุนัขซึ่งเป็นที่ๆ จะรวบรวมลูกสุนัขในพื้นที่นั้นๆ มาวางจำหน่าย เปรียบเสมือนเป็นตลาดนัดพบของผู้เพาะเลี้ยงสุนัขรายย่อยกับผู้ซื้อการเลือกสุนัขจาก ร้านค้าอาจต้องเลือกร้านค้าที่มีประวัติค่อนข้างดีในการจัดการดูแลและการควบ คุมโรคติดต่อร้ายแรง ทั้งนี้เพราะเป็นสถานที่ๆ มีการนำลูกสุนัขจากที่ต่าง ๆ มา รวมกันอยู่ในที่ ๆ เดียวกัน หากมีลูกสุนัขเพียงตัวสองตัวเป็นโรคติดต่ออยู่อาจ แพร่เชื้อสุ่ลูกสุนัขตัวอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นถ้าไม่มีการจัดการและการควบคุมโรคที่ดีพอ ส่วนการเลือกลูกสุนัขจากคอกสุนัขหรือฟาร์มเพาะเลี้ยงสุนัขโดยตรง ปัญหาดังกล่าวข้างต้นพอจะเชื่อไค้ว่าความเสี่ยงจะน้อยลงนอกจากนั้นยัง สามารถสังเกตไค้จากแม่สุนัขด้วยและลูกสุนัขส่วนใหญ่จะอารมณ์ดี  และมีสภาวะเครียดน้อยกว่าที่ถูกนำไปจำหน่ายในร้านค้า ความเครียดดังกล่าวที่มัก เกิดกับลูกสุนัขมีสาเหตุจากการพรากจากแม่สุนัข และพี่น้องในคอกเดียวกัน หรือจากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่ อาหารและการเลี้ยงดู สาเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุที่ร่วมกันทำให้เกิดความเครียดกับลูกสุนัขจะส่งผลให้ลูกสุนัข อ่อนแอ ไม่แข็งแรง และติดเชื้อโรค ทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น

          ขณะไปเลือกสุนัขควรสังเกตสถานที่ ๆ ลูกสุนัขอาศัยอยู่ในเรื่องความ สะอาด และร่องรอยของอุจจาระ ปัสสาวะ เป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นร้านค้ามักจะ ได้รับการดูแลในเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างดี และเกือบตลอดเวลา ทำให้เรามีโอกาส สังเกตได้มากขึ้น แต่ค้าเป็นคอกสุนัขหรือฟาร์มเพาะเลี้ยงมักจะดูแลเรื่องเหล่านี้ เป็นเวลา เช่น ทำความสะอาดช่วงเช้าและช่วงเย็น และหากไปโดยไม่มีการนัด หมายล่วงหน้าจะทำให้มีโอกาสได้สังเกตสภาพที่เลี้ยงลูกสุนัขมากยิ่งขึ้นด้วย

การนำลูกสุนัขมาเลี้ยงควรมีอายุตั้งแต่เดือนครื่งขึ้นไป ทั้งนี้เพราะลูก สุนัขเริ่มเปลี่ยนจากการดูดนมมาเป็นการกินอาหารได้ดี ตั้งแต่ระยะหนึ่งเดือน ถึงเดือนครื่ง ระยะนี้ลูกสุนัขจะสามารถอยู่กินได้ด้วยตัวเองจึงเป็นระยะที่จะหย่านมได้แล้ว และร่างกายมีความแข็งแรงเพียงพอต่อโรคภัยต่าง ๆ แต่ยังต้องการ การดูแลเป็นอย่างดีเนื่องจากอายุน้อยมาก ดังนั้นนอกจากจะเลือกสุนัขที่ สมบูรณ์แข็งแรงแล้วควรดูว่าลูกสุนัขได้รับการถ่ายพยาธิในช่วงอายุ 1 เดือน ต้องได้รับการถ่ายพยาธิอย่างน้อย 1 ครั้ง ส่วนวัคซีนที่ลูกสุนัขสามารถรับการ ฉีดวัคซีน ดือวัคซีนโรคหลอดลมอักเสบติดต่อ (Kennel Cough) ให้อายุ 1 เดือน และวัคซีนโรคลำไส้อักเสบเมื่ออายุเดือนครื่ง ซึ่งในบางพื้นที่อาจมีการระบาดของโรคหัดสุนัข ก็อาจฉีดวัคซีนโรคหัดสุนัขแทนโรคลำไส้อักเสบติดต่อในอายุหนึ่งเดือนครึ่งนี้ เพราะลูกสุนัขทีไดรับการถ่ายพยาธิและฉีดวัคซีนแล้วย่อมจะมีอัตราเสียงต่อโรคพยาธิและโรคนั้นๆน้อยกว่าลูกสุนัขทีไม่เคยได้รับ โปรแกรมใด ๆ เลย นอกจากจะดูโปรแกรมในลูกสุนัขแล้วหากเป็นไปได้ควรดู โปรแกรมทั้งการถ่ายพยาธิและวัคซีนปองกันโรคต่าง ๆ ในแม่สุนัขด้วย ทั้งนี้เพราะแม่สุนัขที่มีการถ่ายพยาธิเป็นประจำจะทำให้ลูกสุนัขมีโอกาสเป็นพยาธิ น้อยลงด้วย ส่วนวัคซีนที่แม่สุนัขได้รับจะมีโอกาสถ่ายทอดภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ สู่ ลูกสุนัขได้ ซึ่งจะมีมากหรือน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับภูมิคุ้มกันโรคในตัวแม่สุนัขเป็นสำคัญ

กรณีลูกสุนัขพันธุ์ผสมหรือลูกสุนัขที่มีพ่อสุนัขและแม่สุนัขต่างสายพันธุ์กัน การกำหนดลักษณะของลูกสุนัขจึงเป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าเมื่อโตเต็มที่แล้วลูกสุนัขตัวนี้จะมีลักษณะอย่างไร หากเรามีประสบการณ์ในการเลี้ยง สุนัขหรือมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุนัขมานานเป็นหลายๆ ปี คงไม่ยากที่จะ คาดคะเนลักษณะของสุนัขตัวนั้นตั้งแต่อายุน้อย ๆ ส่วนเรื่องนิสัยใจคอยิ่งเป็น เรื่องยากขึ้นอีก

ส่วนลูกสุนัขพันธุ์แท้ในประเทศไทยปัจจุบันนี้มีให้เลือกประมาณ 60 สายพันธุ์ แต่ที่พอหามาเลี้ยงได้ง่าย ๆ คงราวๆ 25 สายพันธุ์ ลักษณะพันธุ์แท้ หมายถึงลักษณะรูปร่างโครงสร้างที่แสดงออกในลูกเหมือนกับลักษณะของพ่อ แม่พันธุ์ ซึ่งลักษณะของสีขนจะมีโอกาสแตกต่างไปจากพ่อแม่ได้มากกว่าลักษณะของรูปร่างโครงสร้าง แต่บางพันธุ์การถ่ายทอดลักษณะของสีขนไม่มี การเปลี่ยนแปลงหรือมีโอกาสแตกต่างจากพ่อแม่พันธุ์น้อยมาก ๆ เช่น เยอรมัน เชพเพิร์ด, โอลด์ องลิชซีพด็อก เชตแลด์ชีพด็อก, ดัชชุนด์, เชาว์เชาว์, โกส เดนรีทรีฟเวอร์, ชิวาวา, โพเมอราเนียน, ปัก, โดเบอร์แมน,รอตต์ไวเลอร์ เป็นต้นดังนั้น การเลือกลูกสุนัขพันธุ์แท้จึงสามารถกำหนดได้ว่าลักษณะรูปร่าง ขนาด และชนิดของขน เมื่อสุนัขโตเต็มที่ตรงตาม ความต้องการหรือไม่ ส่วนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องสังเกตให้ดีตรงตาม ลักษณะสายพันธุนั้น ๆ จำเป็นต้องศึกษาลักษณะพันธุอย่างละเอียด และหา ประสบการณ์ในการสังเกตดูเปรียบเทียบหลาย ๆ ตัว เพื่อสามารถบอกได้ว่าตัว ไหนสวยกว่าอย่างไร  นอกจากนี้นิสัยใจคอของสุนัขพันธุแท้ในแต่ละพันธุค่อนข้างคงที่ ซึ่งสามารถศึกษาได้ง่าย เช่น คัลเมเชียล, ลาบราดอร์, รีทรีฟเวอร์, ค็อกเกอร์, สเปเนียล มีนิสัยซน ร่าเริง ส่วนสายพันธุเยอรมัน เชพเพิร์ด, คอลลี่, เชตแลนด์ ซีพด็อก, บาสเซต ฮาวนด์, โกลเดนรีทรีฟเวอร์, ปักกิ่ง, โพเมอรา เนียน มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย และสายพันธุเชาว์เชาว์, บลูเทอร์เรียร์, โดเบอร์ แมน พ่นเชอร์, รอตด์ไวเลอร์ มีนิสัยค่อนข้างดุร้าย เป็นต้น นิสัยของสุนัข ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของเจ้าของ

  • 1. ลักษณะตรงตามสายพันธ์

กรณีที่ลูกสุนัขมีทะเบียนประวัติ (Pedigreed) อย่างน้อยก็พอเชื่อได้ว่า พันธุแท้แน่ๆ แต่ลักษณะของสีขน (marking) จะสวยตรงตามลักษณะพันธุ หรือไม่จำเป็นต้องศึกษาให้ละเอียดและเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อลูกสุนัข    ทั้งนี้เพราะไม่ว่าจะเลือกตัวใดมาเลี้ยง เราต้องเสียเวลาดูแลเลี้ยงและค่าใช้จ่ายในการ เลี้ยงดูเท่ากัน ที่สำคัญนั้นคือลูกสุนัขจะอยู่กับเรานาน 10-15 ปี กรณีสุนัข พันธุใหญ่โดยทั่วไปนอกจากจะเป็นลักษณะของสีแล้วมักจะเป็นในเรื่องของ โครงสร้างรูปร่างที่สมส่วนและใหญ่โตตามลักษณะสายพันธุด้วย

  • 2. อารมณ์ และสุขภาพจิตที่ดี

หากมีโอกาสเลือกลูกสุนัขจากคอกที่มีหลายๆ ตัวจะทำให้สามารถ สังเกตเปรียบเทียบได้ง่ายกว่ามีน้อยตัว ลูกสุนัขที่เหมาะสมในการพรากจากแม่ สุนัขควรมีอายุตั้ง แต่ 6-12 สัปดาห์ ซื้งระยะนี้ลูกสุนัขจะมีพฤติกรรมกิน นอน และเล่น ซื้งการเล่นเป็นพฤติกรรมที่สำคัญของสุนัขเพราะเป็นพฤติกรรมการ เรียนรู้การจัดความสำคัญของสุนัขในกลุ่มที่อยู่รวมกัน การสังเกตลูกสุนัขที่ดีจึง ควรมีลักษณะดังนี้คือ กินดี เล่นดีและที่สำคัญคือการสนใจเรียนรู้สุนัขอื่นหรือ สัตว์อื่นที่แปลกหน้ารวมถึงคนแปลกหน้าด้วย

  • 3. สุขภาพร่างกายสมบูรณ์

ควรเลือกลูกสุนัขที่แข็งแรงสมบูรณ์ เมื่ออุ้มลูกสุนัขไว้ในมือ ควร สังเกตได้ถึงความอุ่นของตัวสุนัข สะอาดและไม่ควรมีพยาธิภายนอกเช่น เห็บ หมัด เหา โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่มีขนที่โค่นหางและขาหนีบของทั้งขาหน้าและ ขาหลัง นอกจากนี้ยังควรสังเกตดังต่อไปนี้

  • เปรียบเทียบนํ้าหนักตัวกับลูกสุนัขตัวอื่นๆในคอกเดียวกัน ลูกสุนัขไม่ ควรอ้วนหรือผอมเกินไป
  • ดูเหงือก สุขภาพที่ดีสีเหงือกจะมีสีชมพู
  • ดูฟัน ควรเรียงเป็นระเบียบในแนวที่ถูกต้อง และฟันบนและฟันล่างควร สบกัน
  • รูหู ใบหูและรูหูควรสะอาด ลังเกตกลิ่นหู ปกติไม่ควรมีกลิ่น
  • ดูท้อง ลูกสุนัขปกติมีท้องขยายกลมเล็กน้อย ถ้ามีขนาดท้องกลมใหญ่และ ตึง มักเกิดจากพยาธิในลำไส้และแก๊สมาก
  • ลูกตา ตาทั้งสองข้างควรมีสีเหมือนกันและบริเวณเปลือกตาไม่ควรมีขี้ตา
  • สังเกตขา ขณะยืนขาหนัาควรตั้งตรง ขาทังสี่ รับน้ำหนักตัวเท่าๆ กัน
  • ข้อขาไม่ควรบวมใหญ่ ขณะเดินขาไม่แกว่งไปมา โดยเฉพาะขาหลัง
  • ดูจมูก ปกติสีดำมีความชุ่มชื้นเล็กน้อย ไม่ควรมีลักษณะแห้งและไม่ควร มีนํ้ามูกที่รูจมูก
  • ดูบริเวณใต้โคนหาง ไม่ควรมีคราบอุจจาระเปรอะเปื้อน ซึ่งแสดงถึง อาการท้องร่วง

 

ฝึกสุนัข

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

สุนัข

ความรู้ก่อนหัดเลื้ยงสุนัข

ก่อนเลี้ยงลูกสุนัขหน้าตาน่ารักๆ ควรหาความรู้เบื้องต้น

Home / การฝึกสุนัข

img8

ความรู้ก่อนหัดเลื้ยงสุนัข

เจ้าของควรเริ่มฝึกสุนัขตั้งแต่ยังเล็กๆจะง่ายกว่าโดยฝึกให้คุ้นเคยกับการรับคำสั่ง การเดินโดยใช้สายจูง การเล่นเกม สุนัขที่ได้รับการฝึกตั้งแต่เล็กถ้าพฤติกรรมที่ไม่ดีตอนโตจะแก้ไขได้ง่ายกว่าสุนัขที่ไม่ได้รับการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง

  1. ทรัพยากรบุคคล มีบทบาทสาคัญอย่างยิ่งสาหรับธุรกิจให้บริการ ซึ่งประกอบด้วย สัตวแพทย์ ทีมงานผู้ดูแลและให้บริการสุนัข เจ้าหน้าที่ในแต่ละส่วนงาน รวมถึงคณะครูผู้ฝึกสอนสุนัขตำรวจ
  2. ทรัพยากรทางธรรมชาติ มีบทบาทสาคัญต่อกลยุทธ์ในใช้ในทำเลที่ตั้งของศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ เพราะนอกจากจะสร้างความประทับใจในคุณภาพของการให้บริการสุนัขแล้วเจ้าของก็ควรจะได้รับบรรยากาศที่สวยงามริมถนนวิภาวดี มีต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียว รวมถึงอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ
  3. สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องรับรองสาหรับการพักผ่อนของเจ้าของสุนัข บริการรับส่ง ฯลฯ
  4. ระบบสนับสนุนการทำงาน เช่น ระบบฐานข้อมูลลูกค้า เว็บไซต์ของ ศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ ฝึกสุนัขตำรวจ Social Media ต่างๆ และระบบการจองคิวการใช้บริการ เป็นต้น

ในการรับส่ง โดยมีทำเล อยู่ภายในศูนย์ กองกำกับการ สุนัขตำรวจ และมีความร่มรื่นจากต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียว รวมถึงการให้บริการที่หลากหลาย ได้คุณภาพมาตรฐาน อีกทั้งยังมีการตรวจรักษาเบื้องต้นจากสัตวแพทย์ จึงเป็นจุดเด่นที่ แตกต่างจากการฝากเลี้ยงสุนัข ฝากหมา ฝากสุนัข และราคาในการฝากยอมเยา จุดเด่นในเรื่องบรรยากาศและการให้บริการที่ครบวงจรกับราคาเป็นตัวกำหนด

  1. Service Mind Staff พนักงานมีใจรักบริการ รักสัตว์ ผ่านการอบรมในเรื่องบุคลิกภาพและการให้บริการ มีความรู้ความสามารถ มีการแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ
  2. Natural ร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียว เหมือนกับการมาพักผ่อนที่ใกล้ชิดธรรมชาติ
  3. Riverside ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดี ใน ที่อยู่: 217 หมู่ 1 วิภาวดี รังสิต 27 แขวงตลาดบางเขน หลักสี่ กรุงเทพ ฯ
  4. One Stop Service ศูนย์ให้บริการแบบครบวงจร มีบริการ
         @ มีเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์บริการ 24 ช.ม.
         @ ผู้เชียวชาญด้านพฤติกรรมสุนัข
         @ มีเจ้าหน้าที่ตัดและตกแต่งขนสุนัข (Grooming ) มืออาชีพ
         @ บริการด้วยคุณภาพทั้งการฝึก อาหาร และที่อยู่ของสุนัข
         @ โดยรับฝึกสอนทั้งในและนอกสถานที่
         @ รับฝึกสุนัขในจำนวนจำกัด ต่อ 1 คอร์ส ในราคาย่อมเยา
  5. Dog Park มีสนามหญ้าให้สุนัขและเจ้าของได้ทากิจกรรมร่วมกัน
  6. Clean เป็นร้านที่สะอาด มีการฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันเชื้อโรคและเห็บหมัดต่างๆ
  7. Veterinarian มีสัตวแพทย์ตรวจสุขภาพ และให้คาปรึกษาเบื้องต้น

18

  1. Excellent Service ทั้งสุนัขและผู้เลี้ยงจะได้รับการบริการสุดประทับใจเหมือนคนในครอบครัวจากครูผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนมาอย่างดี มีความรู้ ประสบการณ์ และแก้ไขปัญหาได้อย่างมืออาชีพ
  2. Product Quality สินค้าทุกอย่างมีการคัดสรรอย่างดี ให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
  3. Fast Service มีการบริหารจัดการรับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้การบริการที่รวดเร็ว ไม่ให้ลูกค้าต้องเสียเวลารอนานจนเกิน
  4. Health ทำให้สุนัข ที่ได้รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา สะอาดและมีสุขภำพที่แข็งแรง
  5. Experience เป็นการสร้างประสบการณ์ของผู้เลี้ยงและสุนัขแสนรัก ที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา ในกิจกรรมต่างๆ อาทิ การออกกาลังกายในสนามหญ้า การเล่นเครื่องเล่น การถ่ายภาพ ฯลฯ
  6. Happy เมื่อสุนัขที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา มีความสุข เจ้าของก็จะมีความสุขไปด้วยเช่นกัน
  7. Pleasure เมื่อมาใช้บริการแล้ว ก็จะเกิดความประทับใจทั้งในคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและการให้บริการ รวมไปถึงบรรยากาศและประสบการณ์ที่ได้สร้างร่วมกับสุนัขแสนรัก ที่ได้รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา
  8. Relax นอกจากสุนัขที่ได้รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา ได้ผ่อนคลายจากบริการต่างๆ อาทิ อาบน้า ตัดขน สปาคาเฟ่ สนามหญ้า ฯลฯ แล้ว ผู้เลี้ยงก็จะได้มาผ่อนคลายจากความวุ่นวายต่างๆ ได้สัมผัสกับความร่มรื่นของธรรมชาติด้วยเช่นกัน
  9. Convenience ทำเลที่ตั้งสะดวกต่อการเดินทาง กล่าวคือ อยู่ติดถนนถนนวิภาวดี ใน ที่อยู่: 217 หมู่ 1 วิภาวดี รังสิต 27 แขวงตลาดบางเขน หลักสี่ กรุงเทพ ฯ ในบริการที่ดีของศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจและการรับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา
  10. Reasonable Price ราคาสมเหตุสมผล ไม่สูงจนเกินไป คุ้มค่ากับการบริการที่ได้รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา
  1. Value for money รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา ระดับพรีเมี่ยมของบรรยากาศ สถานที่ คุณภาพมาตรฐาน และการบริการที่ดีเยี่ยม ทำให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป
  2. Reliability รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา มีความเชื่อถือได้ของคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการ ทั้งทีมงานสัตวแพทย์และครูผู้ฝึกสุนัขที่ผ่านการฝึกฝนอบรมและวัดผลการปฏิบัติงานอยู่เสมอ
  3. Freedom รับฝากเลี้ยงสุนัข ฝากสุนัข ฝากหมา เป็นการใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ทิวทัศน์อันสวยงาม เหมือนการปลดปล่อยให้เป็นอิสรภาพจากความวุ่นวายและความเครียดจากการทางาน

สินค้าและบริการ (Product and Service)
ให้บริการสุนัขแบบครบวงจร มีลักษณะโดดเด่นแตกจากคู่แข่งในเรื่องของบรรยากาศที่ตั้งเน้นธรรมชาติมีต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียวเหมาะแก่การพักผ่อนร่วมกันของสุนัขและเจ้าของ มีบริการตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาเบื้องต้นจากสัตวแพทย์ มีการให้บริการที่ดีจากพนักงานที่มีใจให้บริการ รักสัตว์ ผ่านการอบรมบุคลิกภาพ มีความรู้และมีความชำนาญที่ดี โดยมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 2,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการอื่นๆ ที่หลากหลาย คือ การอาบน้ำตัดแต่งขน สปา คาเฟ่ สระว่ายน้ำ สนามวิ่งเล่น บริการรับฝาก บริการรับส่ง โรงแรมที่พัก โรงเรียนฝึกสอนสุนัขตำรวจ ศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ
มากกว่านั้นทางศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจมีบริการเสริม อาทิ Pet Shop การบริการรถอาบน้ำตัดแต่ง ขนเคลื่อนที่ รวมไปถึงการบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับเจ้าของที่พาสัตว์เลี้ยงมาใช้บริการ เพราะด้วยบรรยากาศและสถานที่ของร้านที่มีจุดประสงค์ให้เป็นที่พักผ่อนได้ทั้งสุนัขและเจ้าของ โดย แต่ละบริการมีรายละเอียด ดังนี้

บริการการตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาเบื้องต้นจากสัตวแพทย์

บริการที่พิเศษที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ คือการตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษาเบื้องต้นจากสัตวแพทย์ เพื่อเป็นการตรวจเช็คสุขภาพสุนัขให้เจ้าของได้ทราบ และหากเจ้าของต้องการรักษา ทางร้านก็สามารถส่งต่อไปยังคลินิกสัตว์ที่เป็น Partner ของทางร้านให้ได้อีกด้วยเช่นกัน

ฝากสุนัข-ผากหมา-ตัดขนสุนัข

2. บริการอาบนำ้ตัดขนสุนัข และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Grooming)
การอาบน้ำตัดแต่งขนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการแสดงความรัก การดูแลเอาใจใส่สุนัขแสนรัก เป็นการตรวจสุขภาพเบื้องต้นทั้งขนและผิวหนัง เพื่อสุขภาพที่ดีและเพิ่มชีวิตชีวาให้กับสุนัข Riverside Dog Centerมีบริการอาบน้ า ตัดขนและบริการที่เกี่ยวข้อง โดนช่างฝีมือที่ให้ความใส่ใจดูแล เพื่อให้สุนัขของท่านดูดีที่สุด สะอาด สดใสและมีความสุขโดยมีบริการต่างๆ ดังนี้

1. อาบน้ำ + ตัดขนทรงแฟชั่น + ตัดเล็บ + เช็ดหู

8. บริการพ่น (Frontline Service)

2. ตัดขนทรงแฟชั่น

9. ครีมนวด

3. ตัดขน(ปัตตาเลี่ยน

10. สางสังคตัง, สกปรก, โรคผิวหนัง

4. ตัดขน (กรรไกร)

11. ไถอุ้งท้าว, ท้อง, ก้น หรืออื่นๆ

5. ตัดเล็บ

12. ไถเปิดเท้า

6. เช็ดหู

13. แปรงฟัน

7. แปรงขน

14. บีบต่อมก้น

 

9

สนามหญ้ากว้าง วิ่งเล่นอิสระ เพื่อให้สุนัขออกกำลังกายและได้มีกิจกรรมกับเจ้าของ ในบรรยากาศ สวนสวยร่มรื่นและเป็นส่วนตัว เหมาะกับการมาพักผ่อน อีกทั้งทางร้านก็ยังให้ความสำคัญในความปลอดภัยของสุขจึงมีการสร้างรั้วที่มีความใส

16

ได้เห็นถึงความสำคัญของการฝึกให้สุนัข เพื่อปรับพฤติกรรมความดื้อซนจนเกินงาม และช่วยให้สามารถสื่อสารกับเจ้าของได้มากขึ้น รวมถึงการอยู่ร่วมบ้านกับเจ้าของการเข้าสังคมกับสุนัขตัวอื่นให้มีระเบียบวินัยและไม่สร้างความรำคาญให้ผู้อื่น ด้วยครูผู้ฝึกเป็นครูฝึกสุนัขตำรวจที่มีประสบการณ์มานานและเป็นมืออาชีพ ฝึกสอนตามมาตรฐานสากล โดยมีระยะเวลาการฝึกไม่นานและรับประกันตลอดชีวิตของสุนัข
a. หลักสูตรเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน ข้ามเครื่องกีดขวางเป็นการฝึกคำสั่ง ชิด นั่ง หมอบ คอย สวัสดี และข้ามเครื่องกีดขวาง 12 ชิ้นโดยกำหนดอายุของสุนัขที่ 5 เดือนถึง 3 ปี
b. หลักสูตรความสามารถพิเศษ เป็นการฝึกให้สุนัขคาบของมาให้ คาบตะกร้า แกล้งตาย พลิกตัว เดิน 2 ขาเดินลอดขา โดดผีจีน โดดห่วง โดดห่วงมือ เล่นจานร่อน ฯลฯ โดยมีข้อกำหนดว่าสุนัขต้องผ่านหลักสูตรเชื่อฟังคำสั่งขั้นพื้นฐานมาก่อนและจะต้องมีอายุในช่วง 6 เดือน ถึง 3 ปี

เป็นบริการที่ช่วยแบ่งเบาภาระและเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขที่มีธุระระยะสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยจะมีการดูแลจากพนักงานที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี มีการพาออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างที่รอเจ้าของกลับมาจากการทำธุระโดดห่วง โดดห่วงมือ เล่นจานร่อน ฯลฯ โดยมีข้อก าหนดว่าสุนัขต้องผ่านหลักสูตรเชื่อฟังค าสั่งขั้นพื้นฐานมาก่อนและจะต้องมีอายุในช่วง 6 เดือน ถึง 3 ปี

เป็นบริการที่ช่วยแบ่งเบาภาระและเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขที่มีธุระ ระยะยาว เช่น เดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ โดยสุนัขจะได้รับความสุขและได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ มีอาหาร 2 มื้อ + Snack มีห้องส่วนตัวกว้าง สะอาด เตียงนุ่ม มีเครื่องฟอกอากาศเครื่องดักยุง ระบบป้องกันเห็บหมัด สัญญาณกันขโมย ของเล่น มีพนักงานพาวิ่งเล่นสนามหญ้าและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีให้เลือกทั้งแบบห้องแอร์และแบบพัดลม

นอกจากจะมีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้กับเจ้าของศูนย์ฝึกสุนัข ยังให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องรับรองสำหรับการพักผ่อนของเจ้าของสุนัขในระหว่างที่รอสุนัขรับบริการจากทางศูนย์ฝึกสุนัข
ให้บริการเพื่อความสะดวก รวดเร็วในการใช้บริการ ดังนี้

(1) Website ของทางศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ และ Social Media ต่างๆ ได้แก่ Facebook,I nstagram, Line และอื่นๆ

(2) ติดต่อทางโทรศัพท์หรือไปที่ศูนย์ฝึกสุนัขตำรวจ โดยตรง ได้ที่เบอร์ 08-7006-2828,08-3000-6538

(3) การออกบูธประชาสัมพันธ์ตามงานต่างๆ
โรงแรมสุนัข บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติ สถานที่กว้างขวางสะอาด มีมาตรฐาน ให้บริการครบวงจร อาทิ อาบน้า ตัดขน บริการรับฝาก โร งแรม สระว่ายน้า
อาหารสาหรับสุนัข โดยการบริการจะเน้นในการใส่ใจทุกๆ รายละเอียด เช่น การรับฝากเลี้ยงสุนัขจะให้อยู่ในอาคารที่มีการออกแบบระบบควบคุมการแพร่กระจายของเห็บหมัด และสาหรับอาคารอาบน้าถูกสร้างขึ้นอย่างมีสุขลักษณะ เปิดให้บริการในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 9.30-18.00 น.จากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรฐานการรักษาพยาบาลและการให้บริการแก่ลูกค้าให้ดีที่สุดด้วยตระหนัก ถึง ความรัก และความผูกพันระหว่างเจ้าของสัตว์เลี้ยง และเพื่อนของเขาเป็นอย่างดี ดั่งเจตนารมณ์ที่บุคลากรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อได้ยึดถือและปฏิบัติต่อลูกค้าในวันนั้นว่า “Choose the best for your pet”

บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ

ด้วย 2 ใบประกาศหลักสูตรครูฝึกสุนัขตำรวจและวิทยากรระดับนานาชาติเกี่ยวกับหัวข้อพฤติกรรมของมนุษย์กับสุนัข รวมทั้งให้ความรู้ในคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารสัตว์เลี้ยงชั้นแนวหน้าหลายฉบับอาทิ สื่อรักสัตว์เลี้ยง,แหล่งสัตว์เลี้ยงและช่วยเหลือสุนัขในโครงการฝึกสุนัขไร้บ้านให้มีบ้านอยู่
บริการฝึกและฝากเลี้ยงสุนัขทุกสายพันธ์แก้ไขพฤติกรรมทุกพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการ